posttoday

"แค่จม.ฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้" เมื่อเด็ก7ขวบถวายฎีกาถึงในหลวง

17 ตุลาคม 2559

เรื่องเล่าจากเด็กชายที่เขียนจดหมายถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อขอให้ช่วยรักษาพ่อที่มีอาการป่วย

เรื่องเล่าจากเด็กชายที่เขียนจดหมายถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อขอให้ช่วยรักษาพ่อที่มีอาการป่วย

เมื่อครั้งที่ "นที บุญยสุขานนท์" เด็กชายวัย 7 ขวบชาว ต.พงสวาย  อ.เมือง  จ.ราชบุรี เขียนจดหมายเพื่อถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นั้น เขาคิดเพียงว่า เมื่อในหลวงเป็นเทวดาตามที่แม่เคยบอกก็น่าจะช่วยรักษาพ่อที่มีอาการเจ็บป่วยเป็นแผลที่ขาและตามองไม่เห็นได้

เด็กน้อยหย่อนจดหมายลงตู้ไปรษณีย์โดยไม่ได้หวังว่าจะได้รับการตอบกลับ

ทว่าไม่นานหลังจากนั้น หนังสือตอบกลับจากสำนักพระราชวังก็ถูกส่งมาถึงหน้าประตูบ้าน

ความทุกข์ของพสกนิกรมิเคยพ้นจากสายพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช.....

"นที" ในวัย 14 ปี ย้อนความถึงเรื่องราวเมื่อครั้งนั้นว่า ตอนนั้นอายุ 7 ขวบ นั่งดูในโทรทัศน์แล้วเห็นในหลวง แต่ยังไม่รู้จัก จึงถามแม่ว่าคือท่านเป็นใคร แม่ก็บอกว่าท่านคือเทวดา  ท่านช่วยเหลือคนมากมาย ทำให้คิดว่าเมื่อท่านเป็นเทวดาก็น่าจะช่วยรักษาพ่อได้  จึงได้เขียนจดหมายไปหา  โดยเขียนแบบเด็กๆ เขียนด้วยดินสอ  และไม่คิดว่าจะได้รับหนังสือตอบกลับ  ซึ่งหลังเขียนเสร็จก็ไม่ได้บอกใคร  และเมื่อพ่อขี่จักรยานมารับเพื่อไปช่วยขนผักที่ตลาด ก็แอบเดินไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์  โดยบอกว่าจะไปซื้อขนม หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีหนังสือตอบรับกลับมาจากสำนักพระราชวัง

"สำนักพระราชวังมีหนังสือตอบรับกลับมาว่า จะมารับตัวพ่อไปรักษา ซึ่งถือเป็นความปลื้มปิติและเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่จะมีคนมารักษาพ่อ ทำให้พ่อไม่เสียชีวิต  หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ก็มีคนมารับพ่อไปรักษา"

นทีเล่าอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังพระราชทาน ทุนการศึกษาให้เดือนละ 1,000 บาท ข้อความในจดหมายระบุด้วยว่า ขาดเหลืออะไรก็ให้เขียนจดหมายไปแจ้งได้ แต่ก็ไม่เคยเขียนไปเพราะสิ่งที่ท่านพระราชทานมานั้นเยอะมากแล้ว 

"เมื่อทราบข่าวเสด็จสวรรคต ผมรู้สึกเสียใจมากไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะผมยังไม่ได้ตอบแทนที่พระองค์ท่านได้ช่วยครอบครัวผมเลย  ทุกวันนี้ได้น้อมนำเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยการประหยัดไม่ฟุ่มเฟือยและตั้งใจเรียนซึ่งผลการเรียนตอนนี้เกรดเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3  กว่า ผมตั้งใจว่าอยากจะเป็นทหารรักษาพระองค์ ผมอยากตอบแทนพระองค์ท่าน"

"แค่จม.ฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้" เมื่อเด็ก7ขวบถวายฎีกาถึงในหลวง นทีและมารดา

ด้าน เพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ อายุ 51 ปี  มารดาของนที เล่าว่า ตอนแรกไม่รู้ว่าลูกเขียนจดหมายไปจนวันที่ได้รับจดหมายจากสำนักพระราชวังก็ไม่กล้าเปิดเพราะกลัวจึงได้ให้พี่สาวเปิดอ่าน จึงได้รู้ว่าลูกชายเขียนจดหมายไป จึงได้ถามลูกว่า เขียนอะไรไป ซึ่งลูกก็บอกว่า ก็เขียนไปให้พระองค์ท่านมาช่วยรักษาพ่อ เพราะแม่บอกว่าพระองค์เป็นเทวดาก็ต้องรักษาพ่อได้ หลังจากนั้นก็มีคนมารับไปที่วัง และเขาก็บอกว่า พระองค์ท่านจะพระราชทานทุนการศึกษาและรับอุปการะ 

"ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเพราะแค่จดหมายฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้  เมื่อทราบข่าวว่าเสด็จสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก"เพ็ญรุ่งกล่าว

ภายหลังที่ครอบครัวบุญยสุขานนท์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทางหน่วยงานของกาชาด จ.ราชบุรี ได้เข้าไปทำการสร้างบ้านให้กับครอบครัวทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ เพ็ญรุ่ง มีอาชีพขายไอศครีม พอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้  ส่วน ไพโรจน์ วารวร บิดาบุญธรรมของ นที ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช  และโรงพยาบาลรามาธิบดี  โดยพักที่บ้านพักราชินีซึ่งอยู่ใกล้กับสน.ดุสิต  

"แค่จม.ฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้" เมื่อเด็ก7ขวบถวายฎีกาถึงในหลวง