548 อำเภอ "แล้งหนัก" เตือนทำนาปรังเพิ่ม 4 ล้านไร่
เป็นเหตุการณ์ที่วิกฤตมากที่สุดก็ว่าได้ สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2559
โดย...สิทธิณี ห่วงนาค
เป็นเหตุการณ์ที่วิกฤตมากที่สุดก็ว่าได้ สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2559 เมื่อล่าสุดคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสำรวจปริมาณการใช้น้ำทั่วประเทศ
หลังปรากฏว่าปริมาณน้ำใช้การได้ “สูงกว่า” ปริมาณความต้องการใช้น้ำในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2559 เพียง 4,700 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และมีแนวโน้มว่าพื้นที่ 548 อำเภอ เสี่ยงที่จะขาดน้ำอย่างหนัก ที่สำคัญหากสถานการณ์ภัยแล้งเลวร้ายต่อเนื่องจากเดือน เม.ย.ออกไป 1-2 เดือน จะทำให้เกิดสถานการณ์การขาดน้ำขยายตัวเป็นวงกว้างทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 11 ม.ค. พบว่า ไทยมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั่วประเทศ 1.99 หมื่นล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นน้ำใช้การได้ที่อยู่ในเขื่อนขนาดใหญ่ 33 แห่ง 1.52 หมื่นล้าน ลบ.ม. เขื่อนขนาดกลาง 448 แห่ง 2,149 ล้าน ลบ.ม. และแหล่งน้ำขนาดเล็ก 1.19 แสนแห่ง 1,070 ล้าน ลบ.ม.
ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำที่รวมทั้งประเทศตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย. 2559 อยู่ที่ 1.54 หมื่นล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตร 1.08 หมื่นล้าน ลบ.ม. น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค 2,101 ล้าน ลบ.ม. และน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ 2,003 ล้าน ลบ.ม.
ทองเปลว กองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ระบุว่า จากการสำรวจความต้องการใช้น้ำและปริมาณน้ำที่มีอยู่ทั่วประเทศ พบว่า จะมีพื้นที่ที่ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้ 548 อำเภอ แบ่งเป็นอำเภอที่อยู่ในเขตชลประทาน 138 อำเภอ และอำเภอที่อยู่นอกเขตชลประทาน 489 อำเภอ
“เมื่อพิจารณาปริมาณน้ำในรายอำเภอจะพบว่าบางอำเภอน้ำมาก คนใช้น้อย บางอำเภอน้ำน้อยแต่คนใช้มาก ดังนั้น ในช่วงต่อจากนี้ไปจะเข้าสู่การปันส่วนน้ำ เพื่อสำรองปริมาณน้ำไว้ใช้ หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงลากยาวไปจนถึงเดือน ก.ค.” ทองเปลว กล่าว
ทองเปลว ยอมรับว่า การลดการใช้น้ำและการปันส่วนน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขณะนี้บางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมีการปลูกข้าวนาปรังเกือบ 2 ล้านไร่ อาทิ นครสวรรค์ 1.5 แสนไร่ ชัยนาท 1.5 แสนไร่ สุพรรณบุรี 3 แสนไร่ พระนครศรีอยุธยา 3 แสนไร่ และปทุมธานี 1.7 แสนไร่ เป็นต้น ซึ่งข้าวเหล่านี้อยู่ในช่วงเตรียมตั้งท้องและต้องการใช้น้ำมาก
ด้าน เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่ปลูกข้าวนาปรังได้ขยายจาก 3 แสนไร่ เป็น 2 ล้านไร่แล้ว ขณะที่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างมีการเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกข้าวนาปรัง 1 ล้านไร่ เช่นเดียวกับพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่มีการเตรียมพื้นที่เพื่อปลูกข้าวนาปรังเกือบ 3 ล้านไร่ ซึ่งมีความเสี่ยงที่ข้าวจะเสียหายจากการขาดน้ำ
“ผมเห็นว่ากรมชลประทานควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาที่กำลังจะทำนาในเมื่อเริ่มต้นฝน หรือ พ.ค.ชะลอออกไปจนถึงเดือน ก.ค. 2559 เนื่องจากการพยากรณ์ขององค์การนาซ่า หรือหน่วยงานติดตามสภาพอากาศของโลก เช่น IRI หรือ JAMSTEC ภาวะเอลนินโญจะเริ่มอ่อนกำลังลงในช่วงเดือน พ.ค. และภาวะลานินญาหรือภาวะที่ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นจะเริ่มเข้ามาแทนที่หลังจากเดือน ก.ค.ไปแล้ว” เสรี กล่าว
เสรี ยังเสนอว่า ในช่วงตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดภาวะแล้งเต็มที่ รัฐบาลต้องวางแผนลดการใช้น้ำลงจากแผนเดือน 20% เพื่อให้ปริมาณน้ำในเดือน พ.ค.มีมากพอที่จะป้องกันความเสี่ยงจากภาวะฝนทิ้งช่วง และไม่เห็นด้วยที่การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค มีแผนจะดึงน้ำ 200 ล้าน ลบ.ม.จากเขื่อนศรีนครินทร์และวชิราลงกรณมาใช้ เนื่องจากเป็นน้ำก๊อกสองของชาติ หากนำมาใช้แล้วฝนทิ้งช่วง 1-2 เดือน จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ และลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัดได้


