posttoday

เหยื่อนายทุนเงินกู้ดอกโหดขอผู้มีอำนาจช่วยเหลือ

16 พฤษภาคม 2560

นครพนม-ป้าวัย65เหยื่อนายทุนเงินกู้ดอกโหดเปิดใจดิ้นรนสู้มา 15 ปี ไร้หน่วยงานดูแลวอนผู้มีอำนาจช่วยเหลือถูกยึดบ้านยึดที่ดินน้องสาวเครียดผูกคอตายนางรัดดาวัลย์   คำบุญ อายุ 65 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 12 บ้านนาถ่อน ต.นาถ่อน อ.เมือง จ.นครพนม  ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อนายทุนเงินกู้ดอกเบี้ยโหด  ที่ได้รับความเดือดร้อน จากกรณี นำโฉนดที่ดิน และบ้าน มรดกตกทอดจากพ่อแม่ ไปจำนำกับนายทุนรายหนึ่งของ จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือ หลังต่อสู้ดิ้นรนหาทางแก้ไขมานานร่วม 15 ปี แต่นายทุนไม่ยอมผ่อนผัน บวกดอกเบี้ยโหด  เคยร้องทุกข์ไปแต่ไม่มีหน่วยงานช่วยเหลือจริงจัง  จนกระทั่งถูกนายทุนฟ้องร้อง บังคับคดีขายบ้านพร้อมที่ดินทอดตลาด  ซึ่งได้ขอความเมตตา หาทางช่วยเหลือ เพราะไม่มีบ้านพักอาศัย ซ้ำร้ายน้องสาวเครียดผูกคอตายหนีปัญหานางรัดดาวัลย์ คำบุญ อายุ 65 ปี  เหยื่อเงินกู้ เปิดเผยถึงชีวิตรันทด เริ่มแต่ปี 2545  ได้นำโฉนดที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่  ผืนสุดท้าย ที่อาศัยอยู่กับ น้องสาว คือ นางสุวรรณหงส์ น้อยนันตะ อายุ 55 ปี  คือบ้านเลขที่ 57 หมู่

นครพนม-ป้าวัย65เหยื่อนายทุนเงินกู้ดอกโหดเปิดใจดิ้นรนสู้มา 15 ปี ไร้หน่วยงานดูแลวอนผู้มีอำนาจช่วยเหลือถูกยึดบ้านยึดที่ดินน้องสาวเครียดผูกคอตาย

นางรัดดาวัลย์   คำบุญ อายุ 65 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 12 บ้านนาถ่อน ต.นาถ่อน อ.เมือง จ.นครพนม  ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อนายทุนเงินกู้ดอกเบี้ยโหด  ที่ได้รับความเดือดร้อน จากกรณี นำโฉนดที่ดิน และบ้าน มรดกตกทอดจากพ่อแม่ ไปจำนำกับนายทุนรายหนึ่งของ จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือ หลังต่อสู้ดิ้นรนหาทางแก้ไขมานานร่วม 15 ปี แต่นายทุนไม่ยอมผ่อนผัน บวกดอกเบี้ยโหด  เคยร้องทุกข์ไปแต่ไม่มีหน่วยงานช่วยเหลือจริงจัง  จนกระทั่งถูกนายทุนฟ้องร้อง บังคับคดีขายบ้านพร้อมที่ดินทอดตลาด  ซึ่งได้ขอความเมตตา หาทางช่วยเหลือ เพราะไม่มีบ้านพักอาศัย ซ้ำร้ายน้องสาวเครียดผูกคอตายหนีปัญหา

นางรัดดาวัลย์ คำบุญ อายุ 65 ปี  เหยื่อเงินกู้ เปิดเผยถึงชีวิตรันทด เริ่มแต่ปี 2545  ได้นำโฉนดที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่  ผืนสุดท้าย ที่อาศัยอยู่กับ น้องสาว คือ นางสุวรรณหงส์ น้อยนันตะ อายุ 55 ปี  คือบ้านเลขที่ 57 หมู่ 1 บ้านนาถ่อน ต.นาถ่อน อ.เมือง จ.นครพนม มีเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา ไปจำนองกับนายทุนรายหนึ่ง เพื่อนำเงินเป็นค่าใช้จ่าย  ให้ลานชาย คือ นายยอดชัย น้อยนันตะ อายุ 37 ปี  ไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งในการทำสัญญาจำนอง เป็นเงินจำนวน 2 แสนบาท แต่รับจริง จำนวน 1.5 แสนบาท เพราะถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้า รวมถึงค่าทำสัญญา  แต่ทางนายทุนบอกว่า มูลค่าที่ดินผืนแรกต่ำไม่พอ จึงได้นำเอาโฉนดที่ดินว่างเปล่า ไปค้ำประกันเพิ่ม ทำสัญญาจำนองเพิ่มเป็นเงิน ประมาณ 70,000 บาท  รับจริง เป็นเงินอีก 50,000 บาท ซึ่งในสัญญาระบุดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี  แต่คิดจริงร้อยละ 3 บาทต่อเดือน  และกำหนดส่งรายเดือน เดือนละ 8,000 บาท รู้ว่า"ดอกเบี้ยแพงมากแต่ต้องยอม" เพราะอยากให้หลานชายไปหาเงิน เผื่อจะมีรายได้ฐานะมั่นคงขึ้น  แต่โชคร้ายไปทำงานแค่ 6 เดือน มีปัญหาไม่มีงานถูกส่งกลับไป ทำให้หลานชายตกงานไม่มีงานทำ จนเกิดปัญหาภาระหนี้สิน ขาดส่งผิดสัญญา เคยไปขอผ่อนผัน ขอความเมตตาจากนายทุนแต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งในปี 2551 ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี  สร้างความเดือดร้อนไม่มีเงินจ้างทนายความ โดยศาลจังหวัดนครพนม มีคำพิพากษาตัดสินให้ชำระหนี้  เคยไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ แต่ไม่ได้รับการช่วงเหลือจริงจัง

จนกระทั่งเมื่อปี 2551 ถูกนายทุนฟ้องบังคับคดี นำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด  ส่วนหลานชายตกงานเร่ร่อนหนีไปทำงาน กทม. ไม่ติดต่อกลับมาบ้านหลายปี ซ้ำร้ายเมื่อปี 2554 น้องสาวเครียดผูกคอตาย เพราะถูกฟ้องร้อง ไล่ออกจากบ้านพัก ต้องไปเช่าบ้านอยู่  ล่าสุดทราบว่า กรมบังคับคดีประกาศที่ดินกับบ้านขายทอดตลอด สิ้นสุดในวันที่ 15 มิถุนายน 2560 เคยหาทางเข้าโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบกับภาครัฐ แต่หลังน้องสาวเสียชีวิต จึงไม่มีคนดูแลช่วยเหลือ ต้องยอมรับสภาพมาถึงทุกวันนี้ หากเป็นไปได้อยากขอความเมตตากับผู้มีอำนาจ หน่วยงานภาครัฐ หาทางช่วยเหลือ โดยอยากให้ปล่อยกู้มาส่งคืนนายทุน เพราะอยากได้บ้านที่ดินคืน และส่งผ่อนชำระในราคาไม่แพง เพราะลูกของตน 2 คน มีงานทำ พอส่งได้ เคยเข้าไปผ่อนผันกับนายทุน แต่ทางนายทุนไม่ยอม เคยขอความเมตตาหลายครั้ง ยืนยันฟ้องร้องบังคับคดีคำเดียว  มาถึงวันนี้ตนไม่ต้องการเอาผิดกับนายทุน เพราะยอมรับยากจนอยากได้เงินไปให้หลานชายลงทุน ไปขายแรงงาน  แต่คิดว่านายทุนคงเมตตาสงสาร หากไม่มีจริงๆ ตนต้องดิ้นรนต่อสู้หาทางใช้หนี้ สุดท้าย ต่อสู้มากกว่า 10 ปี แต่ถูกฟ้องดำเนินคดี บังคับคดีนำบ้านที่ดินขายทอดตลาด ไร้ที่พึ่ง