posttoday

จับนายหน้าขายที่ดินลอบขนกัญชาจากลาว

29 พฤศจิกายน 2558

ขอนแก่น - ตำรวจทางหลวงจับนายหน้าที่ดินลักลอบขนกัญชาจากลาว ยึดของกลาง 15 กิโลกรัม

ขอนแก่น - ตำรวจทางหลวงจับนายหน้าที่ดินลักลอบขนกัญชาจากลาว ยึดของกลาง 15 กิโลกรัม

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. เวลา 17.00น. พ.ต.ท.รัฐพร คงสุโข สว.สทล.2 กก.4 บก.ทล. แถลงจับกุม นาย กิตติพงศ์ แก้ววงษา อายุ 64 ปี  พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งจำนวน 15 แท่ง นำหนัก 15 กก. เงินสด 5,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และ รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจับกุมได้บริเวณริมถนนมิตรภาพสาย ขอนแก่น อุดรธานี บริเวณหน้าทางเข้าวัดเวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น 

พ.ต.ท.รัฐพร  กล่าวว่า ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง ซึ่งพบรถยนต์ต้องสงสัย มีลักษณะฝุ่นดินลูกรังเกาะตามล้อและรอบๆตัวรถ คล้ายวิ่งมาจากระยะไกล สงสัยว่าจะลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายจึงส่งสัญญาณให้หยุดรถและขอตรวจสอบ ปรากฎว่าพบนายกิตติพงศ์ ท่าทางมีพิรุธพูดจาวกวน จึงทำการตรวจค้นภายในรถ พบกัญชาอยู่ในถุงพลาสติกใสยัดใส่กระเป๋าเดินทางไว้อีก1ชั้น วางไว้บริเวณท้ายรถปะปนกับข้าวของต่างๆเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาที่กองบัญชาการตำรวจทางหลวง

จากการสอบถามนายกิตติพงศ์ อ้างว่า ทำอาชีพนายหน้าขายที่ดินและได้ไปรู้จักกับ ท้าวอิด ชาว สปป.ลาว ที่บ่อนไก่ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ และได้รับการว่าจ้างจาก ท้าวอิด ให้ขนกัญชาจากอ.บึงกาฬไปยัง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาโดยจะจ่ายให้ในราคากิโลกรัม 6,000 บาท จำนวน 15 กิโลกรัม ถ้าส่งได้สำเร็จจะได้รับเงินปลายทางจำนวน 9 หมื่นบาท จึงได้ไปยืมรถของแฟนเก่ามาใช้ในการขนส่ง โดยทำมาแล้วครั้งนี้ครั้งที่ 4 แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เพราะผู้ต้องหาพูดจาวกวนรวมทั้งพฤติกรรมของผู้ต้องหาน่าจะทำมาแล้วมากกว่า 4 ครั้ง เพราะเป็นไปได้ยากที่จะขนกัญชาแค่ 15 กก. ผ่านเส้นทางหลายร้อยกิโลเมตร โดยยังอ้างอีกว่าครั้งนี้ขนมากที่สุด พร้อมกันนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีประวัติกระทำความผิดและคดีค้างเก่าในข้อหาฉ้อโกงอีกจำนวน 3 คดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากัญชาจำนวน 15 กก.นี้ น่าจะเป็นการที่ผู้ต้องหาหักสินค้าออกมาไว้จำหน่ายในราคาปลีกเองมากกว่า โดยจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง