posttoday

รองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ออกโรงต้านเอกชนปลูกมันฝรั่งบนภูทับเบิก

24 ตุลาคม 2559

ไกรสร กองฉลาด โพสต์ข้อความ ต่อต้านบริษัทเอกชน ที่ต้องการส่งเสริมชาวบ้านบนภูทับเบิกให้ปลูกมันฝรั่ง

ไกรสร กองฉลาด โพสต์ข้อความ ต่อต้านบริษัทเอกชน ที่ต้องการส่งเสริมชาวบ้านบนภูทับเบิกให้ปลูกมันฝรั่ง

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายไกรสร กองฉลาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “ไกรสร กองฉลาด” เเสดงความเห็นต่อต้าน การที่บริษัทเอกชนติดต่อแจ้งวัตถุประสงค์ต้องการส่งเสริมชาวบ้านบนภูทับเบิกให้ปลูกมันฝรั่ง ในรูปเเบบเกษตรพันธะสัญญา พร้อมกับเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนถึงแนวทางจัดการกับบริษัทเหล่านี้

เนื้อหาทั้งหมดมีดังนี้

"เรื่องของเรื่องคือ มีตัวแทนจากบริษัทผลิตมันฝรั่งยี่ห้อดังยี่ห้อนึงมาพบผมที่ทำงานบอกกำลังจะส่งเสริมชาวบ้านปลูกมันฝรั่งที่ภูทับเบิกโดยรับซื้อราคาประกัน ต้องการหนังสือรับรองจากจังหวัด เพื่อนำเข้าหัวมันฝรั่งที่จะใช้ทำพันธุ์จากต่างประเทศ ฟังดูเหมือนดี

แต่พอสอบถามรายละเอียดผมรู้สึกว่ามันเรื่องใหญ่

อย่างแรกคือ มันเป็นเกษตรพันธะสัญญา แบบบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่ทำเรื่องข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั่นแหละครับพันธุ์ ปุ๋ย ยา เอาของมันหมด เรียกว่าตั้งใจยัดห่าชาวบ้านครบวงจร

สอง จังหวัดเพชรบูรณ์พยายามจะลด ละเลิก การใช้สารเคมี แต่พวกนี้มันต้องใช้ยาฆ่าแมลง ที่หนักไปกว่านั้นบนภูทับเบิกลมมันแรง เวลาพ่นยาฆ่าแมลงมันก็ฟุ้งไปทั่วหุบเขา ไหนจะดิน น้ำ อาหาร อากาศ การท่องเที่ยว และผลผลิตของชาวบ้านที่มีความตั้งใจดีดี ที่จะลด ละเลิก การใช้สารเคมี ไม่ฉิบหายวายป่วงไปด้วยหรือครับ

สามภูทับเบิกเป็นแหล่งต้นน้ำของประเทศ เหมาะสำหรับปลูกพืชผักเมืองหนาว มันเอาพื้นที่ผลิตอาหารชั้นยอดของประเทศ ไปผลิตอาหารขยะ คือมันฝรั่งทอด

พยายามหาข้อกฎหมาย เท่าที่รู้กฎหมายก็ไม่ได้ให้อำนาจเราไว้ ไปห้ามมันทำ มันฟ้องเราแน่ อย่างน้อยก็ปลุกม๊อบชาวบ้านมาต้านเรา

ผมจึงอยากรณรงค์ไม่ซื้อสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อมแบบนี้ โดยเฉพาะสินค้าที่แปรรูปเป็นอาหารขยะแบบนี้

ที่สำคัญเกษตรพันธะสัญญาสุดท้ายประเทศเราไม่เหลืออะไรครับ เหมือนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ดิน น้ำ ป่าไปหมด ผู้คนเป็นหนี้สินเต็มแผ่นดินครับ

อยากรณรงค์จริง ๆ เลย อยากหารือพี่น้องว่าเราจะมีแนวทางอย่างไรจัดการกับพวกบริษัทเห็นแก่ได้แบบนี้ดีครับ กับชาวบ้านคงพูดยาก มันเอาเงินมาล่อแบบนี้ แต่ถ้าใช้มาตรการทางช่องทางผู้บริโภคสินค้า กดดันน่าจะได้ผลนะครับ" 

ที่มา https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1276007299118800&id=100001286253328&pnref=story