posttoday

ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวปล่อยรถเมล์เอ็นจีวี

24 กุมภาพันธ์ 2560

ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวรถเมล์เอ็นจีวี ให้กรมศุลกากรปล่อยรถโดยสารไม่ต้องจ่ายค่าปรับและออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถแต่ละคันด้วย

ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวรถเมล์เอ็นจีวี ให้กรมศุลกากรปล่อยรถโดยสารไม่ต้องจ่ายค่าปรับและออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถแต่ละคันด้วย

เมื่อวันที่24ก.พ.2560 13.30 น. นายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทซุปเปอร์ซาร่า ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ได้เป็นโจทก์ฟ้อง กรมศุลกากรกับพวกเป็นจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่า ร่วมกันจงใจกระทำละเมิดหรือประมาทเลนเล่ออย่างร้ายแรง กล่าวหาว่า โจทก์แสดงถิ่นกำเนิดอันเป็นเท็จโดยยึดหน่วงรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียจำนวน 99 คัน  ซึ่งความจริงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดออกโดย หน่วยงานราชการประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทำให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์โดยสารดังกล่าวให้แก่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)  ไม่ทันตามกำหนดเวลาตามสัญญาอีกด้วย โจทก์ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการนำเข้าโดยถูกต้อง จำเลยทั้งหก จึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์โดยสารปรับอากาศ เอ็นจีวีดังกล่าว

ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มีหนังสือโต้แย้งการกระทำของจำเลยที่2 ถึงที่6 แล้ว แต่จำเลยทั้งหกไม่ยอมส่งมอบรถยนต์โดยสารเอ็นจีวี ให้แก่โจทก์ และพยายามจงใจให้โจทก์ชำระค่าปรับในอัตราสองเท่านอกเหนือจากค่าภาษีอัตราปกติอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2556 และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469  และหน่วงเหนี่ยวถ่วงเวลาเพื่อมิให้โจทก์ได้รับรถยนต์โดยสารปรับอากาศ เอ็นจีวี

ศาลจังหวัดพัทยา ได้ไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งว่า คำฟ้องโจทย์มีเหตุผลเพียงพอและพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ยึดหน่วงรถโดยสารไว้ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด (Form D) เป็นเท็จหรือไม่หรือมีเหตุอื่นหรือไม่ และให้โจทก์วางค่าปรับนอกเหนือจากเงินประกันค่าภาษีอัตราร้อยละ 40 โดยไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากอาเซียนทำให้โจทย์เสียหาย จึงมีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันปล่อยรถยนต์โดยสาร ตามหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด และโจทก์ต้องวางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคัน และไม่ต้องชำระค่าปรับตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ.2556 และให้จำเลยทั้งหกร่วมกันออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคันด้วย

ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.ขสมก. กล่าวว่าได้รับทราบแล้วว่าศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้บริษัทฯผู้นำเข้าสามารถนำรถเอ็นจีวี ออกมาโดยให้วางเฉพาะเงินประกันภาษี 40 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะไปหารือกับคณะกรรมการตรวจรับและบอร์ด ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และโดยความเห็นส่วนตัวคิดว่า คนกรุงเทพฯอาจได้ใช้รถใหม่ในเร็ววันนี้