posttoday

7 กีฬาของดาราหนุ่มนักกีฬา ปราชญ์ บัวภา

21 เมษายน 2559

ปราชญ์ บัวภา คือนักแสดงหนุ่มไฟแรง ที่มีชื่อเสียงจากการแสดงละครเวที “มวยไทยไลฟ์”

โดย...โยโมทาโร่

ปราชญ์ บัวภา คือนักแสดงหนุ่มไฟแรง ที่มีชื่อเสียงจากการแสดงละครเวที “มวยไทยไลฟ์” และกำลังจะเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในนักแสดงจากละครเรื่องเจ้าเวหา เขาเคยเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่เคยเข้าแข่งขันในระดับประเทศ เป็นนักวิ่งของ จ.ร้อยเอ็ด เป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายรายการ และที่สำคัญเขาเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถหลากหลายโดยเฉพาะศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

“ผมชอบการต่อสู้มากที่สุดเพราะเราได้แข่งกับตัวเองและต่อสู้กับคนอื่นได้ด้วย ช่วยให้เราแก้ปัญหาตรงหน้าได้ง่าย เคารพตัวเอง เคารพคู่ต่อสู้ และฝึกการประมาณตัวเอง เช่น เราฝึกซ้อมมาน้อยเราจะไม่กล้าลงแข่งหรือเข้าสู้กับคนอื่นๆ หลายครั้งที่ผมไม่ประมาณตัวเองฝึกซ้อมน้อยพอไปลงแข่ง ความมั่นใจในตัวเองก็น้อยกว่า แถมเจ็บกลับมาด้วย แต่ถ้าเราซ้อมมาดี เราจะรู้ร่างกายตัวเองว่าพร้อมที่จะลงแข่ง พร้อมที่จะสู้กับคนอื่น ความมั่นใจก็มีเต็มที่

“นอกจากนี้ศิลปะการต่อสู้ยังฝึกจิตใจในเรื่องของความกล้า บางครั้งเราเจอคู่ต่อสู้ตัวใหญ่หน้าโหดๆ แต่เขาอาจจะไม่เก่งเหมือนอย่างที่เรากลัวไปเองก็ได้ ดังนั้นเวลาสู้ก็ทำให้เต็มที่ด้วยเทคนิคการต่อสู้ที่เรามีแค่นั้นก็พออย่าไปกลัวคู่ต่อสู้”

7 กีฬาของดาราหนุ่มนักกีฬา ปราชญ์ บัวภา

1 มวยไทย

"เป็นกีฬาที่ผมชอบมากที่สุด เป็นกีฬาที่ทำให้เราได้เป็นลูกผู้ชาย ผมเริ่มต้นเรียนมวยไทยที่กรมพลศึกษา มีการเข้าค่ายฤดูร้อนที่สนามกีฬาศุภชลาศัย ซึ่งผมสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าคลาสเรียนกีฬาอะไรก็ได้ ผมเห็นมีเปิดคลาสมวยไทยอยู่ก็เลยสนใจไปเรียน โค้ชมวยไทยคนแรกของผมคือ ก้องธวัช สิงห์วังชา เจ้าของ1ฉายาหมัดมรณะ เป็นนักมวยไทยที่เน้นหมัดขวาตรงหนักหน่วง ผมจึงติดสไตล์การชกแบบเน้นหมัดหนักเหมือนอาจารย์ผมไปด้วย การชกของผมจะเน้นหมัดหนักๆ จัดเต็มๆ"

2 คาราเต้

"หลังจากเราเรียนมวยไทยจนเริ่มชานาญก็ลองหันไปเล่นกีฬาอื่นดูบ้างก็เริ่มลองเล่นกีฬาคาราเต้ดูบ้าง สำหรับผมคาราเต้จะต่างจากมวยไทยตรงที่ ในการแข่งขันเขาห้ามทำร้ายที่ใบหน้า ผมเรียนคาราเต้ไม่นานก็ขอลงแข่งเลยเพราะผมมีพื้นฐานในกีฬามวยไทยมาก่อน จึงมีทักษะทางการต่อสู้ติดตัวมาบ้าง ปรากฏว่าผมแพ้ฟาวล์เพราะไปชกหน้าคู่ต่อสู้จนเลือดออก เพราะผมไม่เห็นเขาเข้ามาสู้เสียทีก็เลยเข้าไปจัดการต่อยไปหมัดนึงแพ้ฟาวล์ไป แต่การเรียนคาราเต้ก็ทำให้ผมได้รู้จักการอ่อนน้อม รู้จักการเคารพคู่ต่อสู้ และการถ่อมตน"

7 กีฬาของดาราหนุ่มนักกีฬา ปราชญ์ บัวภา

3 เทควันโด

"ผมคิดว่าถ้าเล่นเทควันโดแล้วสาวๆ จะกรี๊ด และคนเล่น เทควันโดก็มีแต่คนหน้าตาดีๆ ก็เลยไปลองเล่นเทควันโดดูเผื่อสาวๆ จะชอบผมบ้าง การเตะของเทควันโดจะต่างจากมวยไทย เขาจะเตะขาตรง เน้นการสแนปใช้ความเร็วเข้าเตะคู่ต่อสู้ มีท่าเตะหลากหลาย ในขณะที่มวยไทยเตะช้า แต่เน้นหนัก ถ้าโดนคือเจ็บแน่ๆ แต่เทควันโดเน้นเร็วเตะเอาแต้มคะแนน ไม่เน้นเตะให้เจ็บ ตอนแรกผมก็งงว่านี่คือเตะแล้วเหรอคือไม่รู้สึกเจ็บเลยเมื่อเทียบกับมวยไทย เป้าหมายการฝึกเทควันโดของผมคือประยุกต์เอาการเตะของเทควันโด มาพัฒนาทักษะการเตะของผมให้ได้ทั้งความแรง ความเร็ว และเตะให้สวยขึ้น"
4 ยูโด

"เริ่มเล่นไม่ต่างจากเทควันโดและคาราเต้คือรู้สึกว่ามันเท่ ผมชอบชุดของยูโดใส่แล้วดูเท่ดี การทุ่มของยูโดที่ผมฝึก มาทำให้ผมรู้ว่ายูโดทุ่มหนักมาก ยูโดเป็นกีฬาที่ทำให้เรารู้จักการใช้แรง เอาแรงคู่ต่อสู้กลับไปทำร้ายตัวเขาเอง รู้จักการ เบี่ยงแรง เสริมแรง หลักการเหล่านี้ทำให้คนตัวเล็กทุ่มคนตัวใหญ่ได้ การทุ่มของยูโดจะเน้นการ ทุ่ม เชือด คอนโทรล เมื่อเทียบกับการทุ่มของมวยไทยแล้วยูโดจะทุ่มหนักกว่าเพราะเขาทุ่มแบบตัวลอยจากพื้นเลยถ้าคนทุ่มจับทุ่มแล้วปล่อยไปตามแรงเลยเราจะเจ็บหนัก แต่ถ้าเขาช่วยยั้งด้วยการดึงเราจะไม่เจ็บมาก"

7 กีฬาของดาราหนุ่มนักกีฬา ปราชญ์ บัวภา

5 ไตรกีฬา

"ผมเป็นคนชอบเล่นกีฬาแบบบ้าพลัง ผมจะลงแข่งไตรกีฬาทุกปีในรายการแข่งขันหลักๆ เพื่อรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตพร้อมเสมอ การเล่นไตรกีฬาสอนเราหลายอย่าง คือ การมีสมาธิ ความอดทน และการควบคุมร่างกายให้เป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งจังหวะเป็นสิ่งสำคัญมากในการแข่งไตรกีฬา อย่างสเตจแรก ว่ายน้ำ 2 กม. เราจะต้องว่ายให้เป็นจังหวะให้เหมาะสมไม่ออกแรงว่ายน้ำเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป การออกแรงมากช่วยให้ว่ายน้ำได้เร็วก็จริง แต่เราจะหมดแรงก่อน ดังนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปตามจังหวะ พอขึ้นจากน้ำก็ไปปั่นจักรยานต่ออีก 40 กม. และจบด้วยการวิ่งมาราธอนอีก ถ้าเราไม่สามารถคุมจังหวะการออกแรงให้ดีเราจะหมดแรงก่อนถึงเส้นชัย"

6 ยิมนาสติก

"ที่คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) จะต้องเรียนวิชายิมนาสติกเป็นวิชาบังคับ เราก็จะได้เรียนท่ายิมนาสติกพื้นฐานอย่างม้วนหน้า ม้วนหลังและอื่นๆ แต่ไม่มีท่า ตีลังกากลับหน้ากลับหลัง ในขณะที่ผมอยากจะเรียนรู้วิธีตีลังกาให้ได้จึงไปฝึกเพิ่มเติมเพื่อให้ ตีลังกาให้ได้ การเรียนยิมนาสติกทำให้เราเรียนรู้เรื่องการยืดหยุ่นตัว และท่าตีลังกาต่างก็สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการแสดงได้อีกด้วย"

7 แบดมินตัน

"ผมเล่นแบดมินตันตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี เล่นจนได้เป็นนักกีฬาตัวแทนจังหวัดไปแข่งในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ เรียกได้ว่าเป็นกีฬาแรกๆ ที่ผมเล่นได้ดีจนสามารถขึ้นไปเป็นคนฝึกสอนได้เลย ก่อนที่ผมจะเบนเข็มมาเล่นมวยไทยอย่างจริงจังในเวลาต่อมา จุดเด่นในการเล่นแบดมินตันของผมก็คือบ้าพลัง สามารถขึ้นไปตบได้แรงหนักหน่วง วิ่งได้ตลอดเกม ได้โดยที่แรงไม่ตกเลย"