posttoday

แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล บริหารงานด้วยหัวใจ

14 สิงหาคม 2560

ผู้บริหารหญิงแกร่งบุคลิกคล่องตัวฉับไว ท่าทางยิ้มแย้มใจดี แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี (ประเทศไทย)

โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ  วิศิษฐ์ แถมเงิน

ผู้บริหารหญิงแกร่งบุคลิกคล่องตัวฉับไว ท่าทางยิ้มแย้มใจดี แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี (ประเทศไทย) ถือเป็นผู้บริหารผู้หญิงคนแรกและเป็นคนไทยที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของเคเอฟซี ที่แม้จะมีผู้บริหารจากบริษัทแม่เข้ามาทำงานที่เคเอฟซีประเทศไทยหลายคนก็ยังอยู่ใต้สายการบริหารงานของเธอ เธอถือเป็นลูกหม้อที่อยู่กับเคเอฟซีมานานเกือบ 15 ปี เริ่มจากดูแลเรื่องการตลาด จนขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดที่เทียบเท่ากับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท

ด้านการศึกษานั้นเธอจบปริญญาตรี ด้านการตลาดจากประเทศญี่ปุ่น และจบปริญญาโท ด้านการตลาดจากสหรัฐอเมริกา ทำงานด้านการตลาดค้าปลีกมาโดยตลอดที่พีแอนด์จี 5-6 ปี และที่ จอน์หสันแอนด์จอน์หสัน ก่อนจะมาร่วมงานกับ ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อกว่า 14 ปีที่ผ่านมา

เธอเล่าว่ามาทำงานครั้งแรกดูด้านการตลาด เริ่มจากวันแรกทำงานจะโฟกัสที่เรื่องสินค้า การตลาด จนวันนี้ขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารสูงสุดต้องมาโฟกัสเรื่องคนเป็นหลัก ดูแลเรื่องคนมากขึ้น รูปแบบการทำงานอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังเป็นจุดมุ่งหมายเดิมคือให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง

การเป็นผู้บริหารหญิงขึ้นมาสู่จุดนี้ได้ เธอว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทุ่มเทกับการทำงานอย่างทุ่มเทมุ่งมั่นตั้งใจ โดยมีหลักการบริหารงานแบบที่เรียกว่า LEADing with heart คือพยายามบริหารงานด้วยหัวใจ ด้วยความใส่ใจ ต้องรู้ใจตัวเอง และรู้ใจผู้ใต้บังคับญชา

“จะไม่บริหารงานแบบเคร่งเครียด ทุบโต๊ะสั่งๆ แต่จะพยายามบริหารแบบเป็นพี่เลี้ยงแบบโค้ช ถ้าลูกน้องนำเสนอความเห็นอะไรมาแล้วเราคิดว่าไม่โอเคเราจะไม่สั่งว่าไม่เอา ฉันจะเอาแบบนี้ ไม่ เราไม่ทำ แต่จะบอกว่าลองแบบอื่นไหมมาเปรียบเทียบดูว่าจะดีกว่าไหม หรือจะให้การบ้านให้ลองไปอ่านหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ดู เขามีสถานการณ์อะไรที่คล้ายๆ กันบ้างแล้วนำมาปรับใช้ได้หรือไม่ เปลี่ยนจากดูงานก็มาดูเรื่องคนมากขึ้นในตอนนี้ ขณะที่ตัวเราเองก็ต้องมีความกล้าในการตัดสินใจมากขึ้น มีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น มีความเด็ดขาดมากขึ้น ความเป็นผู้หญิงไม่ใช่ข้อจำกัด ข้อดีคือเรามีความนุ่มนวลและใส่ใจมากกว่า เข้าถึงลูกน้องได้ดีกว่า รับมือกับปัญหาได้ดีกว่า แต่ที่ต้องระวังก็คือความจุกจิกจู้จี้ที่เราอาจจะไม่รู้ตัว (หัวเราะ)” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี

เธอกล่าวต่อว่าประเทศไทยโชคดีในแง่ที่ผู้หญิง หากมีความสามารถก็ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ ได้ ไม่มีข้อจำกัด ซึ่งดีกว่าในหลายๆ ประเทศ เพราะฉะนั้นก็พิสูจน์ความสามารถและทำงานลุยไปให้เต็มที่ มีเหตุมีผลในการทำงาน มีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน

สำหรับเป้าหมายการทำงานในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าของเธอนั้นก็คือ การนำทัพให้เคเอฟซี ในประเทศไทยมีสาขาให้ครบ 800 สาขา ภายในปี 2563 และทะยานขึ้นสู่ 1‚000 สาขา ภายใน 5 ปี คือ ปี 2566 หรือประมาณ 1 สาขา/สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 600 กว่าสาขา รวมทั้งพัฒนาแบรนด์ให้เข้มแข็งมีสินค้าออกมาให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น คิดโปรโมชั่นใหม่ๆ ให้โดนใจผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมทั้งมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเสมอ

“คือเราจะกลายมาเป็นร้านที่ให้บริการแฟรนไชส์ 100% โดยมีบริษัทแม่ ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เป็นผู้บริหารแบรนด์ดูแลในส่วนการสร้างแบรนด์ ขยายสาขา ออกสินค้าใหม่ และดูแลกลยุทธ์การตลาดให้ดีกว่าเดิม

ข่าวที่สร้างความฮือฮาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ การประกาศขายแฟรนไชส์กว่า 200 สาขา ของเคเอฟซีประเทศไทยให้กับกลุ่มเบียร์ช้าง ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจจากการลงทุนและบริหารร้านด้วยตัวเอง เป็นการเปิดขายแฟรนไชส์ทั้งหมดว่า ก่อนหน้านี้
เคเอฟซีก็ขายแฟรนไชส์ให้กับกลุ่มเซ็นทรัลไปแล้ว 220 สาขา และนักธุรกิจทางภาคใต้อีกเกือบ 100 สาขา

แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล บริหารงานด้วยหัวใจ

“คือเรายังเป็นเจ้าของแบรนด์ คิดค้นสูตร ออกโปรดักต์ใหม่ๆ โปรโมรชั่นใหม่ๆ การพิจารณาขยายสาขายังเป็นเราที่ตัดสินใจ เพียงแต่เราไม่ทอดไก่เองและไม่ขายเองให้คนอื่นไปทำแทน เราไม่ได้ขายแบรนด์เราขายแค่แฟรนไชส์ทุกอย่างยังอยู่ใต้การบริหารงานของเรา ที่มีคนพูดกันขำๆ ว่าต่อไปนี้เคเอฟซีคงขายเบียร์ช้างด้วย ไม่จริงค่ะ การจะเอาอะไรมาขายต้องขอความเห็นชอบจากเราก่อน และอย่างที่บอกว่าเราเป็นร้านอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัวลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่น ดังนั้นเป็นไปยากที่เราจะขายเบียร์ในร้านของเราค่ะ” เธอให้ข้อมูลที่ชัดเจน

ในเรื่องของการทำงานนั้นเธอเต็มที่ แต่ในวันหยุดเธอก็เป็นคุณแม่ของลูกชายวัย 10 ขวบ ที่เธอบอกว่าบทบาทความเป็นแม่ก็สำคัญที่สุดสำหรับเธอเช่นกัน วันทำงานนั้นเธอเต็มที่ แต่ถ้าเป็นวันหยุดเธอก็มอบให้กับลูกชายเต็มที่เช่นกัน โชคดีที่สามีทำธุรกิจส่วนตัวจึงมีเวลาในการรับส่งลูกได้ด้วยตัวเอง แม้เวลาที่มีให้ลูกน้อยแต่ก็เป็นเวลาที่มีคุณภาพ เธอจะจัดเวลาวันหยุดยาวปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว ไปในสถานที่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูกเพื่อให้การเดินทางเป็นการสร้างประสบการณ์ชั้นยอดให้กับลูกได้มีโอกาสเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม

นอกจากนั้น แล้วเธอก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเป็นอย่างยิ่งด้วยการออกกำลังกาย โดยเธอจะออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5-6 วัน ด้วยการวิ่งรอบหมู่บ้านวันละ 3-4 รอบ สลับกับการเข้าฟิตเนส ตีกอล์ฟ และดำน้ำบ้าง

“เราอยากมีร่างกายที่แข็งแรงก็ต้องลงทุน การออกกำลังกายคือวินัย คือการลงทุน ควบคู่กับการเลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้าร่างกายแข็งแรงจิตใจก็ดี สุขภาพจิตก็ดี ก็จะมีแรงทำงานได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวลอะไรมากนัก คนส่วนใหญ่มักจะลงทุนเรื่องการเงิน มากกว่าเรื่องสุขภาพ การทำร่างกายให้สุขภาพดีคือการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นกัน ไม่มีอะไรได้มาฟรี (หัวเราะ)” เธอกล่าวทิ้งท้าย

แบรนด์ของเคเอฟซีอยู่กับประเทศไทยมานาน จนคนคุ้นเคยกับแบรนด์ เราจึงมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่แบรนด์สำหรับทุกคนในครอบครัว เพื่อทุกเพศทุกวัย รับประทานได้ทุกโอกาส เห็นได้ชัดจากเมนูอาหารที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด สแน็ค ไอศกรีม เครื่องดื่ม ที่มีรสชาติอร่อยถูกปากทุกคนในครอบครัว บางเมนูก็คิดค้นและภูมิใจนำเสนอในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว

แม้ว่าปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพ เป็นห่วงในเรื่องการเลือกรับประทานอาหารกันมากขึ้น ทางแบรนด์เองก็มิได้เพิกเฉย แบรนด์ของเราก็หันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหารมากที่สุด โดยใช้วัตถุดิบที่คัดเลือกมาอย่างดี เช่น เลือกไก่จากฟาร์มคุณภาพ ไม่เร่งฮอร์โมนเร่งโต ไม่ใช้สารแอนตี้ไบโอติกต่างๆ ไม่ใช่น้ำมันทอดซ้ำ ทอดสดใหม่และทิ้งไว้ในตู้อบพร้อมเสิร์ฟไม่เกิน 90 นาที และทิ้งน้ำมันทันที ให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าไก่ทอดของแบรนด์เคเอฟซี จะเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่สะอาดปลอดภัย หาซื้อได้และราคาไม่แพง ซึ่งเราก็ต้องปรับตัวไปตามกระแสสุขภาพด้วยเช่นกัน

“เราให้ความสำคัญกับ FooD Safety และมาตรฐานการผลิตมากพอๆ กับรสชาติของอาหาร หลายๆ คนเข้าใจว่าแบรนด์เราเป็นฟาสต์ฟู้ด แต่จริงๆ แล้วเราเป็นร้านอาหารบริการด่วนที่มีครัวอยู่หลังร้าน มีกรรมวิธีการเตรียมอาหารและการผลิตที่พิถีพิถัน จึงต้องมีตำแหน่งประจำสาขาที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี การเตรียมไก่ การคลุกเคล้ากับส่วนผสมการหมัก การทอด เกิดขึ้นที่ครัวหลังร้านสดใหม่ทุกวัน ไม่ได้แช่เย็นแล้วส่งมาจากครัวกลาง เราทำสดใหม่ที่สาขาทุกวัน เราเป็นแบรนด์ที่พิถีพิถันเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง เราอยู่คู่คนไทยมานาน 33 ปี แล้ว เราเป็นร้านอาหารแบบให้บริการด่วน Quick Service Restaurant ทอดสดใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตที่แข่งขันกับเวลาของผู้บริโภคยุคนี้ ในเรื่องความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ”

นอกจากนั้น ยังโฟกัสในเรื่องบริการอื่นๆ ให้ครบวงจร เช่น ปรับปรุงให้ร้านดูทันสมัยขึ้น ให้บริการฟรีไว-ไฟ ให้บริการปลั๊กไฟสำหรับชาร์จแบต บริการ Refill เครื่องดื่ม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจสูงสุด