posttoday

ใครๆ ก็ใช้โค้ช

31 กรกฎาคม 2560

จากยุคของเชฟก้าวออกจากห้องครัว เข้ามาสู่ยุคของการเป็นโค้ชหรือผู้ที่จะมาคอยแนะนำแนวทางในการทำงานและการดำเนินชีวิตด้านอื่นๆ

โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ: อีพีเอ / กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร / เสกสรร โรจนเมธากุล

จากยุคของเชฟก้าวออกจากห้องครัว เข้ามาสู่ยุคของการเป็นโค้ชหรือผู้ที่จะมาคอยแนะนำแนวทางในการทำงานและกา

รดำเนินชีวิตด้านอื่นๆ ตามปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เกิดคำถามแก่ทุกคนว่าโค้ชเหล่านี้เป็นใคร มีดีขนาดไหนที่จะมาช่วยแนะนำแนวทางแก้ปัญหาให้กับตัวเรา

โค้ชคือผู้แก้ปัญหาเฉพาะบุคคล

ดร.ประณม ถาวรเวช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส อธิบายถึงที่มาที่ไปของการเกิดโค้ชในยุคปัจจุบันว่า ในสมัยก่อนมักจะเรียกคนที่มาแนะนำแนวทางในการปรับตัวให้กับเราว่า วิทยากร เช่น การเชิญวิทยากรเป็นการสอน อาจจะมีบ้างบางครั้งที่ผู้บริหารระดับสูงหรือคนทั่วไปต้องการที่จะให้ช่วยพัฒนาเป็นรายบุคคล จะเรียกว่า พี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา หรือเมนเทอร์ (Mentor) ซึ่งเมนเทอร์ก็จะคล้ายๆ รูปแบบของการเป็นโค้ชในปัจจุบัน

“ในสมัยนี้คนจะนิยมโค้ชชิ่งมากกว่า เพราะสมัยก่อนการที่เข้ารับการอบรมจากวิทยากรอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน การโค้ชชิ่งก็เลยเกิดขึ้นแล้วก็เป็นที่แพร่หลาย เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่เหมือนกันมากกว่า คนที่ทำหน้าที่โค้ชจะเป็นคนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระทำขึ้นมาด้วยการตั้งคำถาม การตั้งคำถามเพื่อให้การคิดและการเปลี่ยนแปลงความคิดและการกระทำเป็นสิ่งสำคัญ 

“โค้ชจะไม่บอกว่าคุณจะต้องทำนู่นทำนี่เหมือนวิทยากรสมัยก่อน เขาจะฟังปัญหาและเรื่องราวของคุณและตั้งคำถามขึ้นมา เพื่อให้คิดได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป พอคนฟังได้ฉุกคิดก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหลักในการคิดใหม่ ส่งผลให้เกิดเป็นคนใหม่ การกระทำใหม่ วิธีการใหม่ขึ้นมา”

ดังนั้น คนที่เป็นโค้ชจะต้องมีหลักในการตั้งคำถาม ดร.ประณม ขยายความต่อว่า โค้ชต้องมีแนวทางในการชักจูงคน

“ยกตัวอย่างง่ายๆ ทางที่จะไปเชียงใหม่มีหลายทาง คนที่เป็นโค้ชก็ต้องตั้งคำถามว่าไปเชียงใหม่ทางไหนดีกว่า แล้วแต่ละทางนั้นเป็นอย่างไร? แล้วปล่อยให้ลูกค้าคิดเองว่าเขาจะเลือกเส้นทางไหนที่เหมาะกับเขามากที่สุด”

เมื่อเทียบประสิทธิภาพระหว่างการฟังวิทยากรกับฟังโค้ช ดร.ประณม ฟันธงอย่างไม่ต้องคิดนานว่า การฟังโค้ชจะได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

“เพราะหลายครั้งจากประสบการณ์การเป็นวิทยากร ผู้รับฟังอาจจะคิดว่าที่เราพูดออกไปไม่ใช่ทางของเขา ไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ได้ตรงกับความต้องการหรือปัญหาส่วนตัวที่เขามี ผลที่ออกมาก็คือจะได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่การโค้ชคือการเข้าไปแก้ปัญหา ตั้งคำถามให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยที่โค้ชไม่ต้องบอกว่าเขาจะต้องทำอะไร แต่คนฟังจะคิดได้เอง

“อย่างที่ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส เองก็มีการนำโค้ชชิ่งเข้ามาผสมผสานกับงานที่ทำอยู่ปัจจุบัน พบว่าการโค้ชชิ่งค่อนข้างที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างชัดเจนกับตัวของผู้ที่เข้ามาใช้บริการมากกว่าการอบรมวิทยากรเหมือนสมัยก่อน มีความสนุกมากกว่า ได้ผลมากกว่า”

ใครๆ ก็ใช้โค้ช ดร.ประณม ถาวรเวช

แต่อย่างไรก็ดี เวลาเลือกโค้ชสักคน ดร.ประณม ชี้เคล็ดลับว่า ก็ต้องดูว่าโค้ชคนนั้นจบจากสถาบันโค้ชที่ไหน มีใบรับรองไหม และโค้ชที่ดีจะต้องเป็นผู้ฟังให้มากกว่าผู้พูด

“พูดเฉพาะการตั้งคำถาม แนะนำในส่วนที่จำเป็นต้องแนะนำเท่านั้น เช่น ในเรื่องของการแนะนำในเรื่องการเลือกเสื้อผ้า บุคลิกภาพ หรืออื่นๆ ยังจำเป็นต้องใช้การสอนเข้ามาผสมผสานการโค้ช เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ส่วนระยะเวลาในการโค้ชนั้นไม่ควรนานเกินไป ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่ง และอาจจะมีการนัดพูดคุยกันอีกครั้งเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนเพื่อติดตามผล”

เมื่อถาม ดร.ประณม ว่า แล้วโค้ชจำเป็นแค่ไหน? อ่านหนังสือหาความรู้เองได้ไหม?

“ตอบได้เลยว่าการอ่านหนังสือก็ช่วยในเรื่องการให้ความรู้ แต่อาจจะต้องเสียเวลาในการปรับตัว อาจทดลองใช้ ทดลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง ใช้เวลานานขึ้น จนสุดท้ายแล้วเราอาจจะไม่เห็นเลยว่าปัญหาที่แท้จริงของตัวเองนั้นเกิดจากอะไร อย่างหนึ่งก็คือคนเรามีปัญหาแตกต่างกันออกไป

“หนังสือก็อาจจะตอบโจทย์ได้ไม่หมด หรือการตั้งไมนด์เซตหรือเป้าหมายในใจยังไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการ  หรือบางครั้งปัญหานั้นอาจจะเป็นแค่เส้นผมบังภูเขาที่เรามองไม่เห็น แต่โค้ชจะเป็นผู้ค้นหาปัญหานั้นแล้วเข้าไปช่วยสะกิดปัญหานั้นออกให้เราได้เห็นว่าปัญหาของเราคืออะไร”

โค้ชในสิ่งที่สนใจและไม่เหมือนใคร

นฤพนธ์ เวียงชนก ที่ปรึกษาด้านความรักและความสัมพันธ์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า โค้ชความรัก เจ้าของเพจ Facebook.com/MAXinLoveThailand เล่าถึงเส้นทางการเป็นโค้ชความรักของเขาว่า

“เริ่มมาจากความสนใจในเรื่องของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว อยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนเรารักกัน ชอบกัน และหันมารักกันอย่างยั่งยืน เคยตั้งคำถามว่าทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชายดีๆ ทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายเพลย์บอยเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเราศึกษาจริงๆ แล้ว ผู้หญิงไม่ได้ชอบเพลย์บอยที่นิสัย แต่ชอบเพลย์บอยที่รูปลักษณ์หรือลักษณะแบบเพลย์บอยมากกว่า”

นฤพนธ์ จึงเริ่มจากการศึกษาเรื่องการโค้ชชิ่งจากสถาบันโค้ชทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นไปที่เรื่องความรักโดยเฉพาะ แล้วเอามาปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมเข้ากับวัฒนธรรมของคนไทย เริ่มเปิดเพจโค้ชความรัก รับการโค้ชเรื่องความรักแบบกลุ่มอบรม หรือโค้ชเดี่ยว ถ้าเป็นแบบโค้ชเดี่ยวจะคิดที่คนละ 5,000 บาท

ใครๆ ก็ใช้โค้ช นฤพนธ์ เวียงชนก

“ลูกค้าของผมคนหนึ่งผิดหวังเรื่องความรักอย่างรุนแรงมาก จมอยู่เป็นเดือนๆ จนสุขภาพเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ จนมีคนแนะนำให้มาปรึกษาผมดู เธอก็ลองดู ผมก็โค้ชแนวทางเรื่องความรักให้กับเขาไปใช้ ชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วปัญหาความรักนั้นเกิดจากอะไร แล้วต้องปรับตัวอย่างไรให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้ได้เร็วที่สุด ผลปรากฏว่าในเวลาไม่นานนักเธอก็กลับมาเป็นผู้หญิงคนเดิมที่เคยสดใสจนคนรอบข้างสังเกตได้

 “ผมมองว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานที่จะสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ อีกอย่างหนึ่งที่ผมเลือกที่จะโค้ชเรื่องความรักโดยเฉพาะ เพราะปัญหาความรักเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตคนเรา ทุกคนต้องการความรัก จริงอยู่ว่าอาจจะมีไลฟ์โค้ชหรือพี่อ้อย พี่ฉอด ที่เรารู้จักกันดี แต่นั่นเป็นแนวทางการโค้ชชีวิตโดยรวม แต่โค้ชความรักเป็นการโค้ชเฉพาะทางเฉพาะปัญหาของแต่ละคน ซึ่งทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นๆ”

การแข่งขันที่ดุเดือด

“งานประจำที่ทำอยู่ตอนนี้ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีลูกค้าในสำนักงานตรวจสอบบัญชี สิ่งหนึ่งที่เราพบกับปัญหาของลูกค้าที่เราตรวจสอบบัญชี ก็คือพวกเขาหาเงินง่าย แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีเงินเก็บเยอะ ก็เลยมาเริ่มเปิดเพจเขียนบทความในเรื่องของการออมเงินก่อน แล้วก็ไปสมัครเป็นนักเขียนประจำของเว็บไซต์ออมมันนี่ ชื่อมาดามฟินนี่  และรับการโค้ชด้านการเงินโดยเฉพาะ” พนิดา ชูกุล โค้ชการเงิน เจ้าของเพจมาดามฟินนี่ (facebook.com/madamfinney) เล่าถึงเส้นทางการเป็นโค้ชการเงินของเธออย่างง่ายๆ เช่นเดียวกับสไตล์การโค้ชของเธอเอง

“สไตล์ของเราจะพูดในเรื่องของการเงินในภาษาที่พูดง่ายๆ เข้าใจง่าย เพราะว่าเรารู้ว่าเราเคยผ่านจุดนั้น

ใครๆ ก็ใช้โค้ช พนิดา ชูกุล

ไปก่อน ดังนั้นเมื่อเรามีประสบการณ์ร่วมกันกับเขาในการผ่านจุดที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการเงิน ต้องการใช้เงินเวลาพูดอะไรออกไปก็จะโดนใจคนฟัง เชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นปัญหาของเขาจริงๆ และพร้อมที่จะเปิดรับแนวคิดในการบริหารจัดการเงินแบบใหม่ หรือหาเงินเพิ่มได้ง่าย”

อย่างหนึ่งในการเป็นโค้ช พนิดาวิเคราะห์ว่า เพราะสมัยนี้จะทำแบบวิทยากรเหมือนสมัยก่อนไม่ได้แล้ว ถ้าทำแบบเดิมก็มีแต่แย่ลง เพราะว่ามีคู่แข่งเข้ามาตีตลาด มีเว็บไซต์สอนการเงิน มีรายการในยูทูบ ก็ต้องปรับลูกเล่น
ไม่ให้เหมือนกับคนอื่น หากลุ่มลูกค้าของตัวเองให้เจอ

“จากการสำรวจแบบสอบถาม เราพบว่าลูกค้าเราเป็นผู้หญิงที่มีรายได้ไม่เยอะมาก เป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังเก็บเงินไม่ได้ ไม่ต้องไปบอกว่าเขาควรจะต้องลงทุนอะไร แค่เหลือเก็บยังเป็นความท้าทายอันดับหนึ่งของเขาเลย เลยมองว่าเราควรหันไปตั้งเป้าหมายคนที่มีความสามารถในการหาเงิน แต่ขาดทักษะความรู้ในการจัดการด้านการเงินและการลงทุน เพราะว่าบางคนหาเงินเก่ง หาเงินมาได้มาก แต่พอเราถามไปว่าแล้วคุณมีเงินเก็บอยู่เท่าไร หลายคนบอกไม่มีเลย เพราะหาเงินมากก็ใช้มาก ได้เงินมาแล้วก็เอาไปเที่ยว เอาไปซื้อของกินของใช้

 “เวลาเราโค้ชให้กับลูกค้าเราจะฟังเขาในหลากหลายมิติ ดูปัญหาของเขาว่าปัญหาในเรื่องของการเก็บเงินของเขาเกิดจากอะไร บางอย่างการเก็บเงินอย่างเดียวมันไม่พอ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้มีการเก็บเงินเพิ่มได้ก็คือการหารายได้เพิ่ม ดังนั้นคอร์สที่ได้รับการตอบรับมากที่สุด คือการสอนอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับการเริ่มการหาเงิน ซึ่งลูกค้าจะยอมจ่ายค่าคอร์สตรงนี้มากกว่า เพราะเขาคิดว่าเขาลงทุนในการฟังเราไปแล้ว เขาจะได้เอากลับไปใช้แล้วได้กำไรกลับมา การคิดสินค้าของโค้ชก็ต้องมีกลยุทธ์เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ”

ส่วนค่าโค้ช พนิดา ฉายภาพให้เห็นว่า จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มราคาตามระดับของลูกค้าของคอร์สที่เปิด

“ตั้งแต่ 900-2,900 บาท เปิดอบรมผ่านระบบออนไลน์เดือนละครั้ง ไม่จำกัดจำนวนคนในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตคิดจะมีรูปแบบบริการใหม่ๆ ออกมาอีก และคงปรับไปในทิศทางที่มั่นคงกว่านี้ เพราะสุดท้ายเราก็มองว่าธุรกิจการโค้ชอนาคตจะมีการแข่งขันกันสูงมาก ตอนนี้ใครจะเป็นโค้ชก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วคนที่ใช่ คนที่เป็นตัวจริง จะเป็นคนที่อยู่รอด ซึ่งในอีกประมาณ 2-3 ปีนี้ ก็น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในวงการโค้ชอย่างแน่นอน”

ทั้งหมดนี้คงพอเป็นแนวทางอธิบายได้ว่าโค้ชเหล่านี้คือใคร และจำเป็นต่อเราหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจการโค้ชชิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะพื้นฐานคนเราต้องการความก้าวหน้าในชีวิต หากมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่พยายามแก้ไขเท่าไรก็ไม่เป็นผล โค้ชเหล่านี้อาจช่วยคุณได้มาก เปรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนปัญหา และไม่ต่างจากโค้ชของนักกีฬาที่ช่วยแนะนำวิธีการพัฒนาการเล่นจนคุณประสบความสำเร็จได้นั่นเอง