posttoday

คู่แม่ลูกผูกพัน ปรานอม-นิภาพร บุญยะเลี้ยง

29 กรกฎาคม 2560

ใกล้ถึงเดือน ส.ค.วันแม่แห่งชาติแล้ว วันนี้จับเข่าคุยกับสองแม่ลูกที่มีความสามารถไม่ต่างกันในสายนักร้องลูกทุ่ง ระหว่างคุณแม่ปรานอม บุญยะเลี้ยง กับลูกสาว

โดย...วราภรณ์  ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

 ใกล้ถึงเดือน ส.ค.วันแม่แห่งชาติแล้ว วันนี้จับเข่าคุยกับสองแม่ลูกที่มีความสามารถไม่ต่างกันในสายนักร้องลูกทุ่ง ระหว่างคุณแม่ปรานอม บุญยะเลี้ยง กับลูกสาวนักร้องลูกทุ่งสุดเซ็กซี่ กระแต อาร์สยาม หรือ นิภาพร บุญยะเลี้ยง ที่จัดเป็นคู่แม่ลูกที่มีความรักความผูกพันกันมาก จนกลายเป็นเงาตามตัวเห็นกระแตที่ไหนต้องเห็นคุณแม่ที่นั่น

 สาวกระแตได้อัพเดทผลงานล่าสุดว่า กำลังจะมีซิงเกิ้ลล่าสุด “รอพี่ที่บ้านนอก” กับค่ายเดิม ที่ทำขึ้นมาเพื่อเอาใจแฟนคอลูกทุ่งโดยเฉพาะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งช้าๆ ที่สาวกระแตไม่ได้ร้องแนวนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่แฟนเพลงขาแดนซ์ไม่ต้องเสียดาย เพราะกระแตกำลังซุ่มทำเพลงเร็ว จะมีให้ฟังเร็วๆ นี้

 เรียกว่าเกิดในวงการลูกด้วยน้ำเสียงหวานๆ สะกดใจที่มีงานยุ่งไม่ได้ขาดตลอด 7 วัน/สัปดาห์ ก็ยังมีคุณแม่ตามติดไปทุกที่ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ถือเป็นความอบอุ่นใจและกำลังใจสำคัญที่ทำให้ลูกสาวมีแรงฝ่าฟันกับความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและข่าวในวงการบันเทิงที่มีเข้ามากระทบจิตใจ

 “เวลาทำงาน 100 ครั้งเรียกว่ามีคุณแม่ตามไป 99 ครั้ง (หัวเราะ) แม่ไม่ได้ไปน้อยมาก แม่ไม่ไปก็ต่อเมื่อแม่ไม่สบายหรือติดธุระจริงๆ แม่จะดูแลหนูใกล้ชิดตลอดเวลา ทำให้หนูเป็นเด็กไม่ค่อยโตเท่าไหร่ (หัวเราะ) เพราะมีแม่คอยดูแลตลอดเวลา เลยดูเหมือนหนูดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ แต่รู้สึกอบอุ่นใจ ได้อยู่ใกล้คนที่เรารัก หนูจะโตยากนิดหนึ่ง แม่ค่อนข้างเป็นห่วงหนูเพราะแม่ดูแลตลอด”

“แม่เป็นผู้หญิงสายสตรอง” นิภาพร บุญยะเลี้ยง

 สาวกระแตพูดถึงคุณแม่ว่า คำว่าแม่ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม่ของแต่ละคนมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันไป สำหรับคุณแม่ของเธอมีความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยแต่คุณแม่ก็สู้และเลี้ยงดูลูกๆ มาเป็นอย่างดี

 “ตอนหนูเด็กๆ แม่ร้องเพลงแบบหาเช้ากินค่ำจริงๆ แม่มีลูก 4 คนแม่ก็ร้องเพลง หนูรู้ว่าแม่เหนื่อยมาก เพราะเรื่องค่าเทอมแม่ดูแลคนเดียว มีพ่อช่วยบ้าง แม่อดทน ลูก 4 คนกระเตงไปทั้งหมด นึกถึงภาพสมัยก่อนแล้วมีความสุข แม่เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก เรียกว่าเป็นคุณแม่สายสตรอง หนูจะได้แม่มาเยอะ เรียกว่าหนูมีวันนี้ได้เพราะมีแม่เป็นแรงผลักดัน หนูก็อยากให้แม่และครอบครัวสบาย วันนี้หนูมีคุณแม่เป็นต้นแบบ แม่เจอปัญหามากมาย แม่ต้องอดทนเยอะมาก แม่ต้องย้ายจังหวัดไปร้องเพลงตลอด บางครั้งตอนเด็กๆ เราไม่มีแม้กระทั่งค่าเช่าห้อง หนูรู้ว่าแม่เหนื่อยมาก ตอนเด็กๆ หนูอยากโตมาแล้วเลี้ยงครอบครัว”

 กระแตเล่าว่าที่เธอกลายมาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง เพราะส่วนหนึ่งเป็นความฝันของแม่ ที่อยากเป็นนักร้องมีชื่อเสียง แต่ติดที่มีลูกเสียก่อนความฝันนั้นจึงต้องพับไป ทุกวันนี้มีลูกๆ เป็นผู้ทำความฝันให้คุณแม่เป็นจริง

 “แม่เคยเป็นนักร้องมาก่อน เป็นศิลปินอัดแผ่นเสียง แต่ความที่แม่มีหนู แม่เลยไม่ได้เป็นศิลปิน จริงๆ แม่หนูเสียงดีมากๆ หนูเคยประกวดร้องเพลงตอนเด็กๆ ในรายการเดียวกัน มีทั้งรุ่นเด็ก เยาวชนและบุคคลทั่วไปหนูไปประกวดได้รุ่นเยาวชน ส่วนแม่ได้นักร้องยอดเยี่ยมฝ่ายหญิง พ่อได้ฝ่ายชาย เรียกว่าไปกันทั้งครอบครัว ก็มีความสุข เหมือนเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้”

 ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีกันมาตลอดระหว่างแม่ลูก สิ่งที่กระแตได้ซึมซับคำสอนจากแม่ก็คือ ทุกครั้งแม่จะสอนกระแตว่า วงการนี้เข้าง่าย แต่จะอยู่อย่างไรให้ยืนยาว ก็ต้องมีมาตรฐาน คุณภาพรวมถึงจิตใจต้องแข็งแกร่ง ต้องใช้ความรัก เต็มที่กับอาชีพที่เรารัก สิ่งดีๆ ก็จะตอบแทนมา ส่งผลให้กระแตมักเต็มที่กับงานทุกชิ้น ในวงการมีรุ่นพี่รุ่นน้องต้องให้ความเคารพถือเป็นสิ่งสำคัญ

 ปกติในวันแม่ทุกๆ ปี เช่น วันแม่ปีนี้ที่กำลังใกล้มาถึง กระแตก็จะทำเหมือนทุกๆ ปีจนถือเป็นธรรมเนียมของบ้านคือ ทำพิธีกราบขอขมาคุณพ่อคุณแม่ที่ตลอดทั้งปีลูกได้ดื้อได้ซนหรือทำผิดพลาดไป พร้อมทั้งมีของขวัญมาเซอร์ไพรส์คุณแม่ด้วย

 “12 สิงหาส่วนใหญ่หนูจะมีงานตลอด แต่เราก็จะไปด้วยกันทุกวัน ซึ่งทุกวันถือเป็นวันพิเศษอยู่แล้ว เราจะมีมาลัยกราบ แม่จะให้กำลังใจกันเวลามีข่าวไม่ดี เราผ่านเหตุการณ์มากมายถ้าหนูไม่มีความรักจากสถาบันครอบครัว หนูก็รู้สึกท้อแท้เหมือนกัน บางอย่างเข้ามาก็ทำให้หนูเหนื่อยมากๆ อยู่วงการต้องใช้สติและวิจารณญาณที่จะรับฟังข่าวสารและอยู่กับมันมากๆ เลย คือบางทีหนูย้อนกลับไปคิดบางอย่างสอนให้หนูโตขึ้น แม่บอกเสมอว่าใครคิดยังไงชั่งเขา เขาไม่ได้เกิดและเติบโตมากับเรา เราไม่สามารถแคร์ทุกคนได้ แต่เราต้องแคร์คนที่เรารักคือคนในครอบครัว ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีความสุข

“แม่สอนหนูตลอด ซึ่งมีบางช่วงหนูแคร์แต่คนอื่น เครียดจนทำให้งานไม่เดิน จนหนูต้องบำบัดตัวเองแต่หนูมีญาติพี่น้องที่รู้ว่าหนูเป็นอย่างไร แม่พูดเสมอว่า ถ้าใครไม่ดีวันหนึ่งเขาก็จะหายไปจากชีวิตเราเอง หรือเราไม่ดีวันหนึ่งเราก็จะหายไป เราพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ซึ่งวันนี้หนูยังอยู่ได้ เหมือนเบื้องบนเขาทดสอบให้หนูโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เป็นพลังเข้มแข็งให้หนูต่อสู้กับอุปสรรค ที่กำลังจะเจอ ในวันหน้าหนูอาจเจอกับอุปสรรคที่ใหญ่กว่านี้ก็ได้ ผ่านไปแล้ว ก็รู้สึกเราจะย้อนกลับไปให้ทุกข์ใจทำไม แม่จะสอนให้เรารัก คนให้กำลังใจเราดีกว่าค่ะ”

 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นครอบครัว คือการดูแลสุขภาพซึ่งกันและกัน หากถามถึงความประทับใจที่กระแตมีต่อคุณแม่นั้นมีมากมายเหลือเกิน หนึ่งคือคุณแม่พลังเยอะมาก ตั้งแต่เด็กแม่ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อให้ลูกได้อิ่มท้อง

 “หนูคิดว่าหัวใจของคนเป็นแม่ต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนถึงสามารถทำได้ พ่อแม่เป็นเหมือนพระอรหันต์ในบ้านจริงๆ ที่รักเราด้วยความบริสุทธิ์ บางครั้งหนูดื้อ บางทีหนูเหนื่อยเรางอแง แม่อาจมีน้อยใจ เป็นเรื่องปกติในครอบครัว หนูอยากฝากบอกว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะบ่นว่าเราอย่างไร หนูเชื่อว่า มันมาจากความรักทั้งนั้น ยิ่งตอนนี้แม่อายุมากแล้วก็อยากให้ดูแลท่านเยอะๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า วันหนึ่งท่านจะไปจากเราตอนไหน แต่หนูอยากดูแลแม่ไปนานๆ เพราะแม่ดูแลหนูมาเยอะมากๆ แม่ก็มีกำลังใจที่อยากจะปั้นลูก เพราะมันคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของแม่ เพราะแม่ก็อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นศิลปิน นี่คือความฝันของแม่

“แม่ก็จะส่งเสริมหนูในทุกๆ ด้าน เพราะแม่มีพลังเยอะ แม่ทำกับข้าวก็อร่อย แม่บ้านแม่เรือน หนูประทับใจทุกเรื่องค่ะ หนูรู้สึกโชคดี หนูคิดเสมอว่าได้เกิดมามีครบ 32 ประการว่าดีแล้ว แต่ยิ่งเกิดมาในครอบครัวที่มีธรรมะ มีคุณพ่อคุณแม่ ชอบทำบุญ ทำทาน เลี้ยงบริวาร แม่สอนว่าการเลี้ยงคนเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ หนูคิดว่าโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ครอบครัวคนอื่นอาจต้องเดินทางไปทำงานไกลๆ ไม่ได้อยู่กันเป็นครอบครัว แต่หนูได้อยู่กับพ่อแม่ ได้อยู่ดูแลท่าน แล้วพ่อแม่ก็ได้ดูแลหนูได้เจอได้กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ หนูคิดว่าเราโชคดีมากๆ ตอนนี้แม่แข็งแรง เพราะแม่มีลูกตอนยังสาว ตอนนี้ลูกก็โตทันใช้ แต่แม่ยังขับรถเก่ง แม่เปรี้ยวมาก สลับเสื้อผ้ากันใส่ได้ (ยิ้ม)”

คู่แม่ลูกผูกพัน ปรานอม-นิภาพร บุญยะเลี้ยง

“อยากให้ลูกเป็นดาวค้างฟ้า” ปรานอม บุญยะเลี้ยง

 ถึงคราวคุณแม่พูดถึงลูกสาวบ้าง แม้ตอนคุณแม่มีกระแตเป็นลูกสาวคนแรก ณ ช่วงเวลานั้นแม้แม่ลำบากและยากจนที่สุด เพราะการเป็นนักร้องประจำคลับ หากตั้งท้องก็จะไม่ได้เป็นนักร้อง อีกทั้งต้องยังดูแลส่งเงินให้แม่ที่อยู่ต่างจังหวัด อีกทั้งตอนตั้งท้องน้องกระแตคุณแม่แพ้ท้องหนักมาก แต่ต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหน คุณแม่ก็ไม่รู้สึกท้อและตั้งใจเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยให้ดีที่สุด และยิ่งชื่นใจยิ่งกว่าที่แม้ลูกสาวจะอยู่ในวัยเพียง 10 ขวบต้นๆ แต่ก็อยากเป็นนักร้องเพื่อช่วยคุณแม่ทำงานอีกทางหนึ่ง

 “สมัยก่อนแม่ทำงานเป็นนักร้องได้ค่าตัวเดือนละ 900 บาท ตอนตั้งครรภ์น้องกระแตแม่คุยกับแฟนเราว่า แม้เราจะไปจากกัน แต่เราก็จะไม่ทำร้ายลูกเรา สัญญากับตัวเองว่าเราจะดูแลลูกให้ดีที่สุด กว่าจะคลอดน้องได้แม่ลำบากสุดๆ ในชีวิต แต่เมื่อลูกคลอดออกมาแม่รู้สึกภูมิใจมาก เรารักเขานะ เขาเป็นเด็กที่น่ารักเลี้ยงง่ายมาก ลูกเลี้ยงง่ายทุกคน อย่างกระแตตอนเล็ก เขาเป็นอะไรไม่เคยมาร้องงอแง แม่จะเลี้ยงลูกแบบไม่ให้ขาด แต่กระแตโตขึ้นหน่อยจะเป็นเด็กถ้าไม่ได้อะไรหรือไม่สวย น้ำตาก็จะไหล (หัวเราะ)

 “มี 2-3 เรื่องที่กระแตน้ำตาลไหลคือ ไม่สวยดังใจก็จะร้องไห้ หรืออยากกินอะไรแล้วแม่ไม่ทำกับข้าวให้ก็จะร้องไห้ กระแตจะมีแววเป็นนักร้องตั้งแต่เด็ก เวลาร้องเพลงกระแตจะตั้งใจตลอด ลูกชอบนั่งดูแม่ร้องเพลงประกวด แล้วเขาก็บอกว่าอยากเป็นเหมือนแม่ คืออยากร้องเพลงประกวด นั่งร้องไห้ว่าอยากช่วยแม่ แม่ก็จะรู้สึกว่าอายุเขาไม่กี่ขวบ แต่เขาอยากช่วยแม่แล้ว เวลาลูกพูดแม่มีความสุข แม่จึงไม่เคยทิ้งเขาเลย เพราะลูกทั้งสามคนช่วยแม่ตั้งแต่เด็กเลย เราลำบากก็ไปด้วยกัน ลูกอยากทำหรืออยากเห็นอะไรอะไรแม่ก็พาไป อันนั้นไม่ดีแม่จะบอกลูก สมมติแม่ร้องเพลงอยู่ในคลับ อันนี้ไม่ดี แม่บอกลูกเลย วันหนึ่งถ้าลูกโตเป็นสาวลูกจะได้รู้ว่าอันนี้คืออะไร จะคุยบอก ลูกรับฟังหรือไม่ แต่แม่จะเล่าให้ฟัง”

 อาจกล่าวได้ว่าคุณแม่เป็นเหมือนลมใต้ปีกที่ส่งเสริมให้กระแตเป็นนักร้องที่เก่งจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งอาจเป็นพราะกระแตเห็นต้นแบบการเป็นนักร้องในตัวคุณแม่ จึงฝึกฝนร้องเพลงและการเข้าประกวดร้องเพลงบนเวทีต่างๆ เป็นการฝึกฝีมือไปด้วยในตัว

 “แม่มองเห็นแววว่าน้องชอบร้องเพลง แม้แม่มีลูกแม่ก็ยังไปประกวดร้องเพลง เพราะแม่อยากประสบความสำเร็จ น้องก็ดูแม่ประกวดร้องเพลง แม่ก็ตัดสินใจว่า แม่จะปั้นลูกให้เป็นนักร้องเอง ก็ส่งลูกประกวดมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีโอกาสมาเจอที่บริษัท อาร์เอสฯ แม่อยากให้ลูกเป็นดาวค้างฟ้า เป็นความรู้สึกของแม่คือแม่ไม่ได้เป็น แต่เราทำให้ลูกเป็นดาวค้างฟ้าได้มันเป็นความสุขของคนเป็นแม่ เขาเกิดมา เงินก็หาง่าย เขาก็ต้องดูแลตัวเขาได้ เป็นความฝันของแม่คือลูกจะต้องประสบความสำเร็จทุกอย่าง”

 นอกจากกระแตจะเป็นเด็กน่ารักได้ดังใจแม่แล้ว แต่ก็มีวีรกรรมวัยเด็กที่เรียกเสียงดุจากคุณแม่ได้เหมือนกัน

 “กระแตตอนเด็กวีรกรรมเยอะ หนึ่งคือเรื่องกีฬา เช่น หนีไปซ้อมมวย หนีไปบู๊กันสองคนพี่น้องกับกระต่าย พ่อจะโดนแม่ดุประจำ เพราะชอบพาลูกไปซ้อมมวย แต่ลูกแม่เป็นผู้หญิง แม่จะว่าพ่อตลอดว่า พ่อเอาลูกไปต่อยมวยอีกแล้ว เพราะแม่เป็นห่วงเขา เขาเป็นผู้หญิง กลับมาตรงเท้ามีรอยแล้วลูกอายุแค่ 10-11 เอง มันไม่ใช่ ลูกยังเด็กอยู่เลย พ่อก็บอกว่าลูกเก่ง วีรกรรมกระแตส่วนมาก เล่นกีฬา ต่อยมวย วิ่ง สายแดนซ์ น้องจะร่วมกลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ มากกว่า”

 ในฐานะแม่ย่อมเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว สามสิ่งที่คุณแม่เป็นห่วงคือสุขภาพต้องมาก่อน ทำบุญเพื่อทำให้จิตใจดี และไม่ให้ลูกแตะต้องแม้กระทั่งยาเสพติดเลย เป็นสิ่งที่ปลูกฝังลูกมาตลอด

 “อยากให้ลูกนอนหลับพักผ่อนเยอะๆ ดูแลสุขภาพร่างกายเพราะน้องใช้แรง ใช้เสียง และความสามารถตัวเอง แม่ปลื้มใจคือเขาขยันฝึกซ้อม กระแตทำให้แม่เห็นว่าลูกทำได้ ลูกทำอะไรได้ในฐานะแม่ก็ตื้นตันใจ แม่จะส่งพลังไปสู่ลูก แม่ไม่เคยอยากได้อะไรจากลูก ตั้งแต่เขาเกิดมาเราได้อะไรเยอะแล้ว แม่อยากได้แค่ความสุขที่ได้อยู่กับลูกทุกวันอยากได้ให้ลูกดูแลสุขภาพดีๆ

 “แม่ไม่อยากได้รถเบนซ์ ไม่อยากได้ทองหนัก 100 บาท เพราะถ้าได้ก็ต้องให้ลูกอยู่ดีในวันหนึ่ง แม่จึงไม่อยากได้อะไรแล้ว แต่แม่อยากได้หัวเราะ อยากขำ อยากสนุกอยู่อย่างนี้ มันมีพลังเรื่อยๆ ห่วงที่สุดคือห่วงเขาตอนไม่สบาย เขาเป็นเยอะเหมือนแม่ คือมีไข้เป็นเดือน คนนี้ห่วงมาก เขาไม่ชอบกินยาและกินยาไม่เป็นเวลา นอนไม่เต็มที่ แม่เป็นคนจู้จี้ วันนี้กินยาหรือยัง ลูกไม่สบายก็แอบเข้าไปดูอะไรแบบนั้น”