posttoday

คราฟต์เทรนด์ 2018 ปีแห่งการหลอมรวมและวิถีแห่งความสงบ

12 กรกฎาคม 2560

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กระแสของงานหัตถศิลป์หรืองานคราฟต์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่อง โยธิน อยู่จงดีภาพ SACICT

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กระแสของงานหัตถศิลป์หรืองานคราฟต์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีเท่านั้นที่เข้ามามีบทบาทในชีวิต แต่ความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตก็เริ่มเป็นสิ่งที่ผู้คนถวิลหาด้วยเช่นกัน แนวความคิดเหล่านี้ชัดเจนมากขึ้นในงานเสวนา เปิดตัวหนังสือ "SACICT Craft Trend 2018" ที่จัดโดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง

เทรนด์แห่งการหลอมรวม

ในระหว่างเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีจนทำให้ความสนใจในงานหัตถกรรมถูกละเลยไปชั่วขณะ ด้วยองค์ความรู้ด้านหัตถกรรมนั้นมักถูกสืบทอดเฉพาะคนภายในท้องถิ่นหรือถ่ายทอดกันในเฉพาะครอบครัว ยิ่งทำให้ความรู้อันมีค่าเหล่านี้ถูกกลบลบเลือนไปตามเวลา จนกระทั่งการมาของโซเชียลมีเดียที่เข้ามาปลุกกระแสงานหัตถกรรมให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

เจรมัย พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง บอกกับเราว่า ในการมองประเด็นเรื่องเทรนด์ไหนที่กำลังมาแรงในปีหน้า ต้องมองว่าเทรนด์ปัจจุบันคืออะไรและอะไรที่เริ่มเข้ามา

"สิ่งที่เรากำลังจะบอกว่าเป็นเทรนด์อาจจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่สิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่เราพบว่าเทรนด์ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้านั้นจะเป็นเทรนด์ที่มีการผสมผสานระหว่างองค์ความรู้งานหัตถกรรมหลายๆ แขนง จะมีการศึกษากระบวนการผลิตงานหัตถกรรมโบราณและนำวิธีการเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ผลงานใหม่โดยใช้วิธีการดั้งเดิม

ยกตัวอย่างเช่น ผลงานที่ประกวดชนะเลิศในโครงการ 'Innovative Craft Award 2017' ปีนี้ คือผลงาน 'บัว' (Bua) ออกแบบโดย เฉลิมเกียรติ สมดุลยาวาทย์ และกวิสรา อนันต์ศฤงคาร เขาสนใจเรื่องของการทำบาตรของชุมชนบ้านบาตร ชุมชนที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำบาตรพระ ไปเรียนรู้และศึกษากระบวนการทำบาตรแล้วเขาก็พบว่า บาตรพระที่เราเห็นเหมือนจะเรียบง่ายแต่ที่จริงแล้วทำจากชิ้นส่วนเหล็กต่างๆ เอามาเชื่อมกันด้วยความร้อนและตีจนขึ้นรูปเป็นบาตรพระ แล้วก็ทาสีดำ เขาก็คิดว่าเทคนิคการเชื่อมแผ่นเหล็กเหล่านี้สามารถนำไปใช้กับการผลิตสินค้าหัตถกรรมแบบอื่นได้จึงนำเทคนิคมาตีโจทย์สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมา ให้เห็น สีเนื้อและร่องรอยในขั้นตอนการผลิตให้ดูเป็นธรรมชาติของเหล็กเอาไว้

คราฟต์เทรนด์ 2018 ปีแห่งการหลอมรวมและวิถีแห่งความสงบ

ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่างานเหล็กในปีหน้าจะเป็นงานที่มาแรง แต่ผมกำลังจะบอกว่าในปีหน้าอาจจะไม่ได้มีงานหัตถกรรมแขนงใดแขนงหนึ่งที่มาแรง แต่จะเป็นปีที่สนใจงานหัตถกรรมจะเริ่มค้นหามีความรู้ใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มในการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น การกลับไปหารูปแบบการผลิตในแบบเก่าๆ ที่เขาไม่เคยเรียนรู้มาก่อนว่ามีขั้นตอนการผลิตอย่างไร ก็จะนำขั้นตอนการผลิตเรานั้นเข้ามาร่วมกันผสมผสาน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมา ซึ่งในปีหน้าเราอาจจะได้เห็นงานผ้ากับงานเซรามิก หรือการหลอมรวมของผลงานต่างวัสดุ เช่น งานเหล็กแต่นำมาทำแบบงานจักสานเป็นผลงานใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มีความเป็นสากลมากขึ้น มีเรื่องราวที่สามารถดึงดูดใจให้คนมาซื้อผลงานนั้นได้"

นอกจากนี้ ไม่ได้มีเพียงการค้นหาเทคนิคโบราณหรือการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ มาสร้างผลงานเท่านั้น ในปีหน้าเราอาจจะได้เห็นผลงานหัตถกรรมที่หลอมรวมแนวคิดและเทคนิคระหว่างชนชาติให้กลายเป็นผลงานในระดับสากลโลกอีกด้วย

เจรมัย อธิบายต่อว่า นอกจากเรื่องการหาองค์ความรู้ใหม่ๆ แล้ว พลังของการใช้สื่อโซเชียลมีเดียก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาด้วยเช่นกัน ในช่วงประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ดีไซเนอร์เริ่มลงไปหาช่างเพื่อเรียนรู้และพูดคุย ให้ช่างผลิตผลงานออกมาให้ได้ตามที่ต้องการ แต่ในเวลานี้ทั้งช่างและดีไซเนอร์ต่างเข้าใจกันมากขึ้น ดีไซเนอร์เริ่มเข้าใจในเรื่องราวและกระบวนการผลิต ช่างเองก็รู้จักที่จะเล่าเรื่องราวของสินค้ามากขึ้น รู้จักการทำการตลาดมากขึ้น หากไม่รู้จักการเล่าที่ดี แก้ว 2 ใบที่ผลิตด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างกัน คนก็จะตีความเป็นแค่แก้วน้ำที่ใช้ดื่มได้เหมือนๆ กัน แต่เรื่องราวความเป็นมาจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างและมูลค่าที่ชัดเจน

"ยิ่งเมื่อการติดต่อสื่อสารทำได้รวดเร็วโดยไม่ต้องสนใจเรื่องระยะทางก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนความรู้โดยไม่จำกัดระยะทางและเชื้อชาติ คนที่ชอบงานฝีมือที่เมืองไทยสามารถที่จะทำงานกับดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น โดยที่ไม่เคยตรวจเจอตัวจริงมาก่อนก็ได้ หรือคนที่ทำงานจักสานในเมืองไทย จะมีฝ่ายจัดซื้อจากฝรั่งเศสเห็นผลงาน แล้วติดต่อเอาไปขายที่ประเทศอิตาลี หรือประเทศสวีเดนก็เป็นไปได้

คราฟต์เทรนด์ 2018 ปีแห่งการหลอมรวมและวิถีแห่งความสงบ

ดังนั้น ในปีหน้า หรือภายในปลายปีนี้เราอาจจะได้เห็นงานหัตถกรรมที่ออกมามีรูปแบบผสมผสาน ไม่ได้สะท้อนเอกลักษณ์ของท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งเหมือนสมัยก่อน จะดูออกไปทางมั่วๆ นิดนึง มีความฟิวชั่นอยู่หน่อย ทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่จะมีเอกลักษณ์และรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีความสากล จนไม่สามารถแบ่งออกได้ว่าเป็นผลงานศิลปะของชาติใดกันแน่

อาจจะมีความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานกับศิลปะของคนไทย หรืออาจจะมีความเป็นไทยผสมผสานกับสายหัถตกรรมของฝรั่งเศสก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้นในปีหน้า ที่เอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นจะถูกหลอมรวม จนกลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ขึ้นมา"

สร้างเอกลักษณ์ในสินค้าอุตสาหกรรม

งานคราฟต์เป็นเรื่องสนุก แม้แต่คนเรียนจบบัญชีที่ใฝ่ฝันจะสนุกกับการทำงานคราฟต์ ก็สามารถหาข้อมูลและเริ่มต้นทำงานฝีมือที่ตนสนใจได้อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะดีต่อใจคนทำ ยังดีต่อใจของลูกค้าที่ต้องการเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ซึ่งนำมาด้วยคำว่า แมส เอ็กซ์ คลูซิวิตี้ "Mass x Clusivity" การผสมผสานร่วมกันระหว่างสินค้าอุตสาหกรรมและงานหัตถกรรม เพื่อสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับลูกค้าขึ้นมา

แสงระวี สิงหวิบูลย์ ผู้จัดการสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และศักยภาพ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ขยายความว่า คำว่า แมส เอ็กซ์ คลูซิวิตี้ เป็นคำที่ฟังยาก เป็นความขัดแย้งระหว่างคำสองคำก็คือแมส (Mass) หมายถึงสินค้าในระบบอุตสาหกรรม กับ เอ็กซ์คลูซีฟ (Exclusive) ที่หมายถึงสินค้าที่เฉพาะตัวมีความพิเศษไม่เหมือนใคร

คราฟต์เทรนด์ 2018 ปีแห่งการหลอมรวมและวิถีแห่งความสงบ

"เพราะว่าคนมักจะชอบอะไรที่เป็นของชิ้นเดียวในโลก ของที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีฉันเพียงคนเดียวที่มี เพราะฉะนั้นจึงเกิดความต้องการสินค้าที่ผลิตแบบโรงงาน แต่ยังต้องการความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น จักรยาน วัสดุส่วนใหญ่ผลิตด้วยระบบโรงงาน แต่อาจจะมีชิ้นส่วนแฮนด์ อาน เบาะ หรือส่วนประกอบตัวถังบางส่วนทำจากงานหัตถกรรม หรือตลับแป้งเครื่องสำอาง ทำจากโรงงานแต่ตัวตลับใส่เป็นไม้ฝังเครื่องมุก เป็นต้น อาจจะมีชิ้นส่วนจากโรงงาน 80% ที่เหลือจะเป็นงานหัตถกรรมที่สร้างความแตกต่างจากสินค้าชิ้นอื่นๆ ที่ผลิตจากโรงงานเดียวกันตามความต้องการของลูกค้า

ทำให้งานหัตถกรรมในอนาคตจะเป็นตัวสร้างคุณค่าให้กับสินค้าในระบบอุตสาหกรรม เพราะงานหัตถกรรมคือ พื้นฐานของการสร้างนวัตกรรม สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนสร้างจากงานหัตถกรรมมาก่อน ยิ่งในปัจจุบันทั้งดีไซเนอร์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อสามารถเจอกันได้ในโซเชียลมีเดีย สามารถสั่งซื้อกันได้ผ่านระบบออนไลน์ สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ติดตามผลงาน ติดตามความคืบหน้าผ่านวิดีโอคอล คลิกแล้วสั่งทำสั่งซื้อได้เลยโดยไม่ต้องรอรอบผลิตจากโรงงานเหมือนแต่ก่อน ทุกคนเชื่อมต่อถึงกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากยิ่งทำให้สินค้าหัตถกรรมที่ช่วยในการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น"

หัตถกรรมนำความสงบแก่ชีวิต

แสงระวี ยังเสริมต่ออีกว่าเทรนด์ที่เชื่อว่าจะมาในปีหน้านอกจากการหลอมรวมขององค์ความรู้ในงานหัตถกรรมแล้ว คนจะสนใจงานหัตถกรรมเพราะถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสมาธิ สติ และความสงบในชีวิต กลับมาจากโลกดิจิทัลแสนวุ่นวาย

"ปัจจุบันเราอยู่กับความรวดเร็ว อยู่กับข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามาเร็ว การงานมีความตึงเครียดมากขึ้นทำให้เกิดการโอเวอร์โหลดขึ้น เมื่อไหร่ที่มนุษย์รู้สึกว่าชีวิตนี้วุ่นวายมากเกินไป เมื่อนั้นมนุษย์จะกลับเข้าสู่ความเรียบง่าย งานหัตถกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความสงบนิ่งทางจิตใจ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นงานชนิดใด

คราฟต์เทรนด์ 2018 ปีแห่งการหลอมรวมและวิถีแห่งความสงบ

บางคนใช้งานหัตถกรรม เช่น การปักผ้าเพื่อทำให้เกิดความสงบเพื่อทำให้เกิดสมาธิและมีสติในการทำงานมากขึ้นเหมือนกับว่าในคนรุ่นใหม่ปี 2018 จะเริ่มใช้งานเข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างสมาธิเป็นงานอดิเรกทำให้เกิดความสงบ หลีกลี้หนีจากความวุ่นวายต่างๆ ทั้งปวง แต่ก่อนเราอาจจะคิดว่างานหัตถกรรมเป็นงานของคนแก่ที่ต้องมานั่งถักโครเชต์ มานั่งทำงานฝีมือ แต่ที่ประเทศอังกฤษและประเทศในเครือสหราชอาณาจักร เราจะเห็นวัยรุ่นเริ่มให้ความสนใจในเรื่องของงานหัตถกรรม เช่น การถักโครเชต์ และการทำงานฝีมือต่างๆ มากขึ้น เพราะว่าเขาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตดิจิทัลที่มีแต่ความวุ่นวาย การทำงานฝีมือช่วยสร้างสมาธิ และความสงบนิ่งกลับมา"

เจรมัย ทิ้งท้ายประเด็นนี้ในมุมมองของนักออกแบบต่อว่า เมื่อคนเราอยากได้สติ อยากได้สมาธิ ความสงบ ความเงียบกลับเข้ามาในชีวิต ผ่านข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่รอบตัว ดีไซเนอร์จะต้องเป็นผู้ค้นหาว่า แล้วสิ่งของที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเงียบคืออะไร

"ผิวสัมผัสของคําว่าสติคืออะไร รูปร่างของคำว่าสงบคืออะไร แล้วนำมาใช้ในการออกแบบ ของสิ่งนั้นอาจจะนำพาเราไปสู่ความสงบ หรือนำพาความสงบ และความเรียบง่ายกลับมาสู่ชีวิต

ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าสี ผิวสัมผัส และ รูปร่างของความเงียบสงบ คืออะไร ซึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของเหล่าดีไซเนอร์ต้องค้นหาและตีโจทย์เหล่านี้ออกมาเป็น ผลงานใหม่ๆ เชื่อว่าปลายปีนี้ถึงปีหน้าจะได้เห็นผลงานที่ทำให้เราเข้าถึงความสงบ สติ และสมาธิ ดึงเราให้หลุดจากโลกดิจิทัลมากขึ้นอย่างแน่นอน" n