posttoday

แก๊งเพื่อนนักเดินทางใน ‘บันทึกคนขี้เที่ยว’

17 มิถุนายน 2560

เมื่อการเดินทางไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวแต่มันคือ ชีวิตเรา เป็นประโยคสั้นๆ แต่บรรยายถึงตัวตนของเพจเฟซบุ๊ก บันทึกคนขี้เที่ยว ได้ครบถ้วน

โดย...รอนแรม  ภาพ : บันทึกคนขี้เที่ยว

 เมื่อการเดินทางไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวแต่มันคือ ชีวิตเรา เป็นประโยคสั้นๆ แต่บรรยายถึงตัวตนของเพจเฟซบุ๊ก บันทึกคนขี้เที่ยว ได้ครบถ้วน

 เพราะพวกเขาทั้งสามคน ฝน-สมฤดี นาคกลัด เอี๊ยะ-ชนันพัฒน์ คำนวนสิงห์ และรุจ-วิรุฬห์ บุญตรี เดินทางเป็นชีวิตจิตใจ และอยากแบ่งปันแรงบันดาลใจระหว่างทางแก่เพื่อนๆ คอเดียวกัน

 “ลูกเพจคือเพื่อนของเรา” ฝนรับหน้าที่เป็นตัวแทนตอบคำถาม

 “โดยเริ่มแรกได้สร้างเพจกับเอี๊ยะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาเกือบ 10 ปี ชอบเดินทางด้วยกัน มีไลฟ์สไตล์คล้ายกัน เราเลยอยากแบ่งเป็นเรื่องราวที่เราไปให้เพื่อนๆ ได้รู้ ซึ่งความตั้งใจนี้ทำให้เรามองลูกเพจเป็นเพื่อน ถ้าทริปไหนเป็นงานเราจะคุยกับลูกค้าว่า ต้องมีของมาแจกลูกเพจนะ เพราะเราอยากให้เพื่อนไปอย่างที่เราไป รับรู้อย่างที่เรารู้สึก หรือเรื่องการทำสินค้ามาขาย เราตั้งใจว่าถ้าทำจริงๆ จะทำแจกลูกเพจ เพราะไม่อยากให้เขากลายเป็นลูกค้าหรืออย่างอื่นนอกจากเพื่อนของเรา”

 ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ฝนและเพื่อนอีก 2 คนต่างมีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นช่วงเวลาไปเที่ยวจึงมีเพียงวันหยุดเหมือนพนักงานทั่วไป แต่เพราะพวกเขาเลือกไปท่องเที่ยวเกือบทุกวันหยุดเพื่อพักผ่อนและหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้มีข้อมูลอัพเดทในเพจเฟซบุ๊กประหนึ่งเป็นนักเดินทางมืออาชีพ

แก๊งเพื่อนนักเดินทางใน ‘บันทึกคนขี้เที่ยว’

 เธอยังกล่าวด้วยว่า การเดินทางเป็นสิ่งที่ทั้งสามคนหลงใหล อย่างตัวเธอเองจะมีกระดาษรูปแผนที่ประเทศไทยติดตัวไว้ เวลาไปไหนก็จะระบายสีให้จำได้ว่าเคยไป จนกระทั่งตอนนี้เหลือ 20 กว่าจังหวัดก็จะครบ 77 ทั่วไทย ดังนั้นถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ เธอก็จะออกไปเก็บจังหวัดที่เหลือเพื่อเติมเต็มความฝันให้ครบทุกช่อง

 “เราจะไม่มีกฎว่าต้องเขียนข้อมูลแบบไหน ต้องลงเมื่อไหร่ หรือต้องถ่ายรูปยังไง เพราะเราทั้งสามคนเป็นคนกลางๆ คือ ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้ถ่ายรูปเก่ง ไม่ได้เขียนเก่ง แค่ชอบไปเที่ยวแล้วอยากแบ่งปันให้ผู้อื่นเท่านั้นเอง ดังนั้น เราจึงไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่ง แต่เราอยากเป็นที่รักมากกว่า และเพื่อนๆ ที่ติดตามก็ไม่จำเป็นต้องไปตามเรา แค่รักในสิ่งที่เราทำเท่านั้นก็พอ” ฝนกล่าวเพิ่มเติม

 ปัจจุบันสิ่งที่พวกเขาตั้งใจทำได้สะท้อนออกมาผ่านตัวเลขมากกว่า 1.88 แสนไลค์ แต่ไม่ว่าอย่างไร บันทึกคนขี้เที่ยว ก็ยังคงเป็นงานอดิเรกที่ “สะเปะสะปะ” แต่เปี่ยมไปด้วยความรักในการเดินทาง

 “ทุกอย่างที่ได้กลับมาตอนนี้ คือ ผลกำไรทั้งหมด เพราะเราไม่ได้ลงทุน เลยไม่ต้องกลัวขาดทุน ถ้าเรื่องราวไหนมีคนไลค์น้อยแชร์น้อยก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องราวที่เราจะกลับอ่านและอาจเป็นประโยชน์กับผู้ที่เสียสละเวลาดูมันแล้ว”

แก๊งเพื่อนนักเดินทางใน ‘บันทึกคนขี้เที่ยว’

 ถามต่อว่า แล้วเคยมีความคิดอยากลาออกมาเป็นแอดมินเพจอย่างเดียวหรือเปล่า เธอตอบว่า ไม่ นั่นเพราะยังไม่อยากหมดไฟในการท่องเที่ยว

 “ถ้าเมื่อไหร่การเดินทางมันกลายเป็นงานหรือชีวิตประจำวันของเรา มันคงไม่สนุก ไม่ตื่นเต้น และไม่รู้สึกแปลกใหม่เหมือนในตอนนี้ การมีงานประจำทำมันทำให้เราอยู่กรอบและกฎระเบียบบางอย่าง ซึ่งมันทำให้เราอยากออกมาจากกรอบนั้น และการมีเวลาจำกัดในการเดินทาง มันก็ยิ่งทำให้เราเห็นคุณค่าของการเดินทางมากขึ้นด้วย”

 ระยะเวลา 1 ปีกับอีก 2 เดือน พวกเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวไว้มากมายโดยเฉพาะความเป็นเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเมืองเบตงและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นำเสนอไว้อย่างน่าสนใจจนได้รับการแชร์มากกว่า 8,000 ครั้ง และอีกมากมายรวมถึงต่างประเทศที่ได้แบ็กแพ็กไปสัมผัสด้วยตัวเอง สามารถติดตามการเดินทางของคนขี้เที่ยวทั้งสามคนได้ทางเพจเฟซบุ๊ก บันทึกคนขี้เที่ยว