posttoday

ความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่นในงานเขียน พราวพุธ

13 พฤศจิกายน 2559

ใครที่ชอบอ่านนิยายแบบแนวแฟนตาซีเบาๆ แฝงด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมพื้นบ้าน

โดย...อณุสรา  ทองอุไร ภาพ :   เสกสรร  โรจนเมธากุล

ใครที่ชอบอ่านนิยายแบบแนวแฟนตาซีเบาๆ แฝงด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมพื้นบ้าน เนื้อหาเรียบง่ายอ่านสบายใจได้รอยยิ้มอิ่มเอมเมื่ออ่านจบ ต้องได้อ่านงานของเธอคนนี้ สุกัญญา สระทองพรม เจ้าของนามปากกา พราวพุธ หญิงสาววัย 30 ต้นๆ ที่มีงานเขียนออกมาเพียง 2 เล่ม คือ แถนเมืองฟ้าและหนึ่งเดียวในความทรงจำ ของสำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง งานของเธออ่านง่ายไม่ลึกลับซ้ำซ้อน แต่แล้วก็ราบรื่นไม่สะดุดตาขัดอารมณ์ ผสานแนวแฟนตาซีที่มีความเป็นไปได้ไม่ออกแนวเพ้อเจ้อเกินจริง คือ อ่านจบก็ได้ทั้งอรรถรสความบันเทิงและความเชื่อของวัฒนธรรมพื้นบ้านในต่างจังหวัดที่คนเมืองอาจจะไม่เคยรู้

ด้านการศึกษานั้นเธอจบทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เป็นเด็กต่างจังหวัดที่โตมาในครอบครัวเกษตรกร พี่น้องคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ทำงานราชการ หรือไม่ก็เป็นเกษตรกร มีเพียงเธอที่เป็นน้องคนเล็ก มาทำงานกับบริษัทเอกชนโดยเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดที่บริษัทผลิตอาหารแห่งหนึ่ง

ด้วยความที่เป็นครอบครัวใหญ่และเป็นลูกคนเล็ก คุณพ่อของเธอแม้จะไม่ได้เรียนหนังสือสูงนักแต่ก็สนับสนุนให้ลูกสาวเป็นเด็กรักการอ่าน และคุณพ่อของเธอมักจะเล่านิทาน หรือเรื่องเล่าแบบนิยายปรัมปราหรือไม่ก็ความเชื่อของบรรพบุรุษที่มีเชื้อไทยทรงดำที่เล่าต่อกันมา จนเธอเริ่มซึมซับวัฒนธรรมและความเชื่อยุคบรรพกาลที่มากพอจนสามารถเอามาเป็นพล็อตเรื่องให้กับนิยายเรื่องแรกของเธอ “แถนเมืองฟ้า”

ความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่นในงานเขียน พราวพุธ

 

“จะว่าไปเราก็โตมาในสังคมบ้านนอก มีความรักความอบอุ่นแบบสังคมพื้นบ้าน มีครอบครัวใหญ่อยู่กันแบบอบอุ่นในหมู่พี่น้อง แล้วก็ชอบอ่านหนังสือชอบจินตนาการมาตั้งแต่เด็กๆ ยังไม่มีนิยายอะไรให้อ่านไม่มีเงินเหลือพอจะไปซื้อ มาอ่านตอนโตแล้วเรียนมหา’ลัยจึงได้อ่าน พออ่านหนังสือนิยายแล้วชอบมากมีความสุขมีจินตนาการ ไม่ชอบดูละครพออ่านนิยายแล้วมาดละครจะรู้สึกผิดหวังมันดูห้วนๆ ไม่มีบรรยายถ้อยคำที่สละสลวยอะไรเท่าไหร่ จึงชอบอ่านหนังสือมากกว่า” เธอเล่าด้วยรอยยิ้ม

แล้วก็แอบฝันเอาไว้ว่าอยากเป็นนักเขียนนิยายกับเขาบ้าง ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เคยเขียนนิยายส่งไปให้ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับการพิจารณา แต่เขาก็ใจดีวิจารณ์และให้ข้อคิดเห็นแนะนำหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นประโยชน์กับเธอ

ถัดมาอีกพักใหญ่เธอก็เริ่มเขียนนิยายอีกครั้งเป็นเล่มที่สองก็คือเรื่องแถนเมืองฟ้าเป็นแนวโรแมนติกแฟนตาซีซึ่งออกในช่วงสัปดาห์หนังสือเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อีกปีต่อมาเธอก็แต่งนิยายเป็นเรื่องที่สองคือหนึ่งเดียวในความทรงจำออกมาในงานสัปดาห์หนังสือปีนี้ ก็จะเป็นแนวรักอ่อนหวาน โดยนิยายของเธอที่ผ่านมาทั้งสองเล่ม จะมีเนื้อหาที่แฝงเรื่องวัฒนธรรมพื้นบ้านความเชื่อของคนกลุ่มต่างๆ สอดแทรกเอาไว้เสมอ

ตอนนี้เธอกำลังจะเตรียมออกนิยายเรื่องที่สามชื่อเรื่อง ดวงฤทัยรัติกาล เรื่องนี้จะเป็นแนวลึกลับ โดยลักษณะเด่นในงานของเธอคือจะมีเรื่องความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรมพื้นบ้าน เป็นเรื่องของความรักความผูกพันแบบครอบครัวของคนในต่างจังหวัด เธอบอกว่าจะหาวัตถุดิบจากเรื่องใกล้ตัว เรื่องที่เธอคุ้นเคย

ความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่นในงานเขียน พราวพุธ

 

โดยใช้เวลาแต่งนิยายแต่ละเรื่องเธอใช้เวลา 5-6 เดือน ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานและวันหยุดในการเขียนหนังสือ เพื่อไม่ให้กระทบกับงานประจำ  ซึ่งโชคดีที่เจ้านายของเธอก็สนับสนุนในงานอดิเรกของเธอ

เธอฝากบอกถึงคนที่อยากเขียนนิยายว่าให้ลองเริ่มเลย ลองเขียนออกมาให้ได้ก่อน ถ้าชอบลุยเลยดีหรือไม่ดีค่อยว่ากันอย่างน้อยจะได้รู้แนวของตนเองว่าถนัดแนวไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ดี ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แก้ไปขอเพียงให้ได้เริ่มต้นก่อน ถ้าได้เริ่มเดี๋ยวก็พอไปต่อได้เอง อ่านเยอะๆ เขียนเยอะๆ เพื่อหาแนวทางของตัวเองได้ในที่สุด

สำหรับนักเขียนที่เธอชื่นชอบนั้นมีหลายท่าน เช่น ทมยันตี พงศกร กิ่งฉัตร เป็นต้น