posttoday

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

16 ตุลาคม 2559

จินจ์ ฟูลเลน (Ginge Fullen) ฝรั่งหนุ่มใหญ่วัย 48 ปี ชาวสกอตแลนด์ คือนักปีนเขาที่โด่งดังในระดับสากล

โดย...ภาดนุ ภาพ : V38 Fitness

จินจ์ ฟูลเลน (Ginge Fullen) ฝรั่งหนุ่มใหญ่วัย 48 ปี ชาวสกอตแลนด์ คือนักปีนเขาที่โด่งดังในระดับสากล และเป็นนักทำลายสถิติโลกของ “กินเนสบุ๊ก ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด” (Guinness Book of World Records) ใน 2 สาขา เพราะถือว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่สามารถปีนเขาได้ถึงจุดสูงสุดของภูเขาทั้งในทวีปยุโรปและแอฟริกา แล้วยังได้รับการบันทึกสถิติโลกอย่างที่ 3 จากการดำน้ำสู่จุดที่ลึกที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกด้วย

“ต้องขอเท้าความก่อนว่า ผมเคยเป็นนาวิกโยธินของสหราชอาณาจักรมาก่อน แต่ตอนนี้ผมเกษียณแล้ว และทำธุรกิจส่วนตัว โดยยึดอาชีพครูสอนดำน้ำคอยให้คำแนะนำกับคนที่ต้องการดำน้ำแบบสคูบ้า ด้วยความที่ผมรักการผจญภัยมาตั้งแต่เด็ก นอกจากชอบการดำน้ำแล้ว ผมยังรักการปีนเขาด้วย ซึ่งเท่าที่ผ่านมาผมได้ปีนเขาสู่จุดที่สูงที่สุดมาแล้วกว่า 170 ประเทศในหลายทวีปทั่วโลก ทั้งในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย”

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

จินจ์ เล่าย้อนว่า เขาเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางนักทำลายสถิติโลก หลังจากที่ลาออกจากการเป็นนักดำน้ำทหารเรือ ซึ่งเป็นงานที่ทำมานานกว่า 20 ปี โดยหน้าที่ของเขาตอนนั้นมีทั้งการเก็บทุ่นระเบิดใต้น้ำ วิศวกรใต้น้ำ และเป็นฝ่ายสนับสนุนหน่วยพิเศษต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย โดยในปี 1987 จินจ์ได้รับเหรียญ Queen’s Gallantry Medal (QGM) ซึ่งเป็นเหรียญแห่งความกล้าหาญที่สหราชอาณาจักรได้มอบให้ เนื่องจากเขาได้ช่วยเหลือชีวิตผู้คนในระหว่างเกิดเหตุจลาจลเอาไว้ได้ นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลกหลายอย่าง เช่น หลักสูตรคอมมานโดกรีนเบเร่ต์ หลักสูตรการอยู่รอดของกองทัพออสเตรเลีย และการแข่งขันปืนสนามของกองทัพเรือ เป็นต้น

“หลังจากขอเกษียณก่อนกำหนด ผมได้เริ่มต้นปีนเขาเพื่อทำลายสถิติโลกไปทั่วยุโรปหลายสิบลูก จากนั้นจึงเดินทางไปปีนเขาที่แอฟริกาอีก 50 กว่าลูก โดยภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปที่ผมเคยปีนถึงยอดเขาได้ก็คือภูเขาแอลป์ในประเทศรัสเซีย ซึ่งมีความสูง 5,642 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ส่วนยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกาที่ปีนมาก็คือ ยอดเขาคิลิมันจาโร ซึ่งมีความสูง 5,859 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ภูเขาสูงๆ เท่านั้นที่ทำให้ผมสนใจ แม้ภูเขาที่สูงแค่ไม่ถึง 100 เมตร ผมก็จะท้าทายตัวเองด้วยการปีนภูเขาเหล่านี้อยู่เสมอ แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ ก่อนจะเข้าไปปีนเขาในประเทศนั้นๆ ได้ ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของสถานที่นั้นๆ ก่อนที่จะปีนทุกครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะใช้เวลานานจนบางครั้งผมรอไม่ไหว ต้องแอบเข้าไปปีนภูเขาลูกนั้นก่อนก็มี

ถ้าถามว่าการปีนเขาที่ไหนยากที่สุด ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศของแต่ละสถานที่ ความสูง และเส้นทางในการเดินขึ้นเขาลูกนั้น เนื่องจากแต่ละสถานที่ในแต่ละประเทศ แต่ละทวีปก็จะมีความยากง่าย ความท้าทายที่แตกต่างกัน นอกจากต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความยากลำบากในการปีนเขาแต่ละแห่งแล้ว  บางครั้งยังต้องเผชิญกับเรื่องไม่คาดฝันหรือเรื่องตื่นเต้นที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้”

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

จินจ์ เล่าว่า มีครั้งหนึ่งตอนที่ได้ไปปีนเขาที่ไซบีเรีย ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเขาดันไปเจอเข้ากับกลุ่มโจรที่อาศัยอยู่บนภูเขา พวกโจรเหล่านั้นได้ใช้ปืนจี้ศีรษะและจับตัวเขาไปเป็นตัวประกัน เพราะคิดว่าจินจ์เป็นทหารของรัฐบาล โชคดีว่าจินจ์พยายามอธิบายว่าเขาเป็นเพียงชาวต่างชาติที่บ้าการปีนเขาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นทหารหรือเป็นสายลับของทางการที่ขึ้นเขามาเพื่อสอดแนมแน่นอน โชคดีที่พวกโจรเชื่อ เพราะสำเนียงภาษาและท่าทางของจินจ์บ่งบอกได้ชัดเจน พวกโจรจึงปล่อยตัวเขาไปโดยไม่ทำอันตราย

“อีกสถานที่หนึ่งที่ผมไปปีนเขาและสร้างความตื่นเต้นให้ผมได้ก็คือทวีปแอฟริกา เพราะที่นั่นมีสัตว์ป่าที่น่าสนใจเยอะมาก โดยเฉพาะสัตว์ประเภทงูนี่ผมจะชอบมาก เพราะผมไม่กลัวงู แต่ตอนที่ผมได้เจอช้างป่านี่สิน่ากลัวมาก เรื่องตลกก็คือ ระหว่างที่เดินๆ ไปซึ่งใกล้ค่ำแล้ว พอมองไปที่พื้นราบผมคิดว่าผมเห็นก้อนหินที่น่าจะสามารถใช้เป็นที่พักได้ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ และสังเกตชัดๆ โอ้ พระเจ้า นี่ช้างป่านี่นา ผมจึงค่อยๆ ถอยออกมาโดยไม่ทำให้มันตกใจ จึงพ้นจากอันตรายมาได้

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

การไปปีนเขาในทวีปแอฟริกามักไม่ค่อยเจอเสือหรือสิงโต เพราะส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้ามากกว่า ในระหว่างที่เดินไปตามเส้นทางบนภูเขา ผมยังได้เจอกับชนพื้นเมืองของแอฟริกาตลอดเส้นทาง ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวเลย แถมยังให้ความช่วยเหลือโดยชี้บอกเส้นทางให้รู้อีกด้วย ผิดกับคนในเมืองซึ่งจะน่ากลัวกว่า เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยถูกคนในเมืองปล้นชิงทรัพย์มาแล้ว โดยคนพวกนี้ควักปืนออกมาขู่เลย แต่โชคดีที่ผมไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด”

จินจ์ เล่าต่ออีกว่า ครั้งหนึ่งที่เขาเคยไปปีนเขาในประเทศลิเบีย ที่ชื่อว่าบีคูบีที ซึ่งเป็นภูเขาที่ยังไม่มีใครเคยปีนมาก่อน จึงนับเป็นความท้าทายสำหรับเขาอย่างมาก แม้ความสูงของภูเขาจะแค่ 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่ปรากฏว่าจินจ์ต้องปีนเขาลูกนี้ถึง 3 ครั้งด้วยกันจึงจะสำเร็จ เนื่องจากเขาลูกนี้ไม่มีแหล่งน้ำเลย แถมเส้นทางในการเดินยังลาดชันและคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

“ครั้งแรกผมเดินหลงอยู่บนเส้นทางอยู่นาน แล้วก็เดินวนกลับมาที่เดิม ในครั้งที่สองผมก็ยังทำไม่สำเร็จอยู่ดี ผมเดินหลงทางอยู่นานจนร่างกายเริ่มขาดน้ำ (เพราะน้ำที่พกมากินไปหมดแล้ว) แต่โชคดีว่าไกด์นำทางท้องถิ่นที่ไปด้วยกันสามารถหาทางกลับลงไปจากเขา และนำน้ำขึ้นมาให้ผมดื่มจึงทำให้ผมรอดชีวิตมาได้ ผมรู้สึกขอบคุณไกด์คนนี้จริงๆ แม้ร่างกายผมจะแข็งแรง แต่การขาดน้ำเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้เสี่ยงต่อความตายได้เลยล่ะ ทีนี้พอปีนครั้งที่ 3 ผมเตรียมตัวมาอย่างดี ทำให้ผมสามารถฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนเดินขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของภูเขาลูกนี้ได้เป็นคนแรก ทำให้ผมภูมิใจมากๆ ผมคิดว่าความล้มเหลวสองครั้งเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันทำให้ผมต้องพยายามมากยิ่งขึ้น จนผมมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปให้สำเร็จ

ขอเล่าย้อนไปในปี 1990 ตอนที่ผมยังเป็นทหารอยู่ ผมชอบเล่นกีฬารักบี้มากๆ แต่วันหนึ่งก็เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับผมจนได้ เพราะรักบี้เป็นกีฬาที่มีการปะทะกันสูงมาก ครั้งนั้นผมได้รับบาดเจ็บที่กระดูกคอ จนแพทย์ต้องดามเหล็กไว้ 2-3 เดือน อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ผมไม่สามารถกลับไปเล่นรักบี้ได้อีก แต่ผมก็ไม่เสียใจ เพราะยังมีสิ่งที่ผมชอบอย่างการปีนเขาและการดำน้ำให้ได้ท้าทายตัวเองอยู่”

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

จินจ์ เสริมว่า การที่เขามีนิสัยบ้าบิ่นชอบความท้าทาย เป็นนิสัยของเขาเองมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้เป็นเพราะเข้ามาเป็นนาวิกโยธินแต่อย่างใด แม้ตอนนี้เขาจะลาออกมานานแล้ว แต่เขาก็ยังชอบการปีนเขาและชอบการดำน้ำมากๆ เพราะมันคือสิ่งที่เขารัก

“ถึงผมจะเป็นทหารเรือและมีร่างกายแข็งแรง แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าวันหนึ่งจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับร่างกายผมโดยไม่มีวี่แววมาก่อน นั่นก็คือการเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ในขณะที่ผมกำลังปีนภูเขาเอเวอเรสต์ในปี 1996 (ตอนนั้นอายุ 28 ปี) แต่โชคดีว่าการปีนเขาครั้งนั้นผมมีทีมไปด้วย จึงขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยนำเฮลิคอปเตอร์มารับตัวผมไปรักษาได้ทันท่วงที ตอนที่ผมนอนอยู่โรงพยาบาล คุณหมอที่รักษาได้บอกว่า ผมมีอาการหัวใจโต จึงเป็นผลทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้ว ผมต้องหยุดดำน้ำ 1 ปี แถมยังห้ามปีนเขาที่มีความสูงเกินกว่า 6,000 เมตรอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้านิดหน่อย”

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

เรื่องต่างๆ ที่เล่ามา ไม่อาจขัดขวางเจตนารมณ์ของชายผู้รักการผจญภัยคนนี้ได้ ในเวลาต่อมาจินจ์ได้ไปปีนเขาในทวีปต่างๆ ทั่วโลกมาทั้งหมด 195 ประเทศ แต่มีแค่ 170 ประเทศเท่านั้นที่สามารถปีนได้ถึงจุดที่สูงสุดจนได้รับการบันทึกไว้เป็นสถิติโลก

“ในอนาคตผมแพลนไว้ว่าอยากจะไปในหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งไปราว 200 ไมล์ เพื่อปีนภูเขาลูกเล็กๆ ที่นั่น แต่อุปสรรคคือ ไม่มีทหารเรือและไม่มีเจ้าหน้าที่ที่จะพาไป ผมจึงยังไม่สามารถไปได้ ส่วนประเทศที่ผมยังไม่เคยไปปีนเขาและอยากไปก็คือ ซาอุดิอาระเบีย และซูดาน ส่วนประเทศในเอเชียที่ผมสนใจก็คือเวียดนามและไทย

ล่าสุดผมได้มาร่วมงานเปิดตัว V38 Fitness ซึ่งเป็นฟิตเนสของเพื่อนผมที่เมืองไทย ผมก็ได้ไปเดินขึ้นดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) มาแล้ว ที่สำคัญครั้งนี้ผมยังได้ไปดำน้ำยังจุดที่ลึกที่สุดของอ่าวไทย โดยไปที่เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งมีความลึก 85 เมตร (หรือ 279 ฟุต) และดำน้ำลงไปได้สำเร็จจนสามารถบันทึกเป็นสถิติโลกไว้ได้ นับเป็นความประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งของผมเลยล่ะ”

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

จินจ์ เสริมว่า วิธีการเตรียมตัวสำหรับการดำน้ำ จะต้องมีทีมที่ดีคอยซัพพอร์ต เพราะมีเรื่องของการใช้เทคนิคและการใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องรวมอยู่ด้วย ซึ่งโชคดีว่าเขามีเพื่อนเป็นเจ้าของสถาบันสอนดำน้ำที่เมืองไทย ซึ่งมีการเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมอยู่แล้ว ส่วนการเตรียมตัวดำน้ำสำหรับเขาเองแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเขาเคยดำน้ำอยู่บ่อยๆ จนชินแล้ว

“สำหรับการเตรียมตัวเพื่อปีนเขา ผมก็เตรียมแค่ร่างกายให้แข็งแรงเท่านั้น เพราะผมค่อนข้างจะชินกับการปีนเขาด้วยเช่นกัน จะมีบ้างที่ต้องดูข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศและความลาดชันของภูเขา ซึ่งถ้ารู้ไว้ก็จะเป็นข้อมูลที่สำคัญ แต่ทั้งนี้ผมไม่ได้แค่เตรียมความพร้อมของตัวเองเท่านั้น ทีมที่ไปด้วยกันก็ต้องเตรียมความพร้อมด้วย อย่างตอนที่ผมไปปีนเขาที่แอฟริกาบางประเทศก็ต้องมีทีมทหารเดินทางไปด้วยเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัย เป็นต้น

ในเมื่อรักทั้งการดำน้ำและการปีนเขา ผมจึงต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย โดยผมจะวิ่งครั้งละ 1 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ และฝึกปีนเขาที่สกอตแลนด์บ้านเกิดผมบ่อยๆ เพราะที่นั่นมีภูเขาเยอะมาก ในหนึ่งปีจึงทำให้ผมสามารถเดินทางไปปีนเขาได้ถึง 43 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเยอะมากทีเดียว

จินจ์ ฟูลเลน นักทำลายสถิติโลก

 

ส่วนการดำน้ำผมก็สามารถแบ่งเวลาให้กับมันได้ เพราะเป็นธุรกิจของตัวเองที่ได้เซตอัพไว้ดีแล้ว ถ้าอยากดำน้ำเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย หรือช่วงไหนที่อยากจะปีนเขาก็ไปได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับผม นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังคงเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ไง (หัวเราะ) เพราะสามารถทำสิ่งที่ตัวเองรักและชอบได้อย่างมีอิสระโดยไม่ต้องกังวลหรือคอยเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลัง”

จินจ์ ทิ้งท้ายว่า ถ้าใครรักและชอบที่จะทำอะไร ก็ให้ทำอย่างสม่ำเสมอ หรือทำสิ่งนั้นให้เป็นเหมือนงานอดิเรก เขาเชื่อว่าเมื่อคนเรามีแรงปรารถนาที่เกิดจากความรักความชอบแล้วละก็ ทุกคนก็จะสามารถทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จเอง