posttoday

ซื้อ-กินที่ OTOP

01 กรกฎาคม 2559

ผมไปซื้อของ-หาของกินที่งาน OTOP พอเก็บเอามาเขียน ก็กลายเป็นเล่าเรื่องย้อนหลัง

โดย...สุธน สุขพิศิษฐ์

ผมไปซื้อของ-หาของกินที่งาน OTOP พอเก็บเอามาเขียน ก็กลายเป็นเล่าเรื่องย้อนหลัง เพราะงานเขาเลิกไปเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ไม่เป็นไรครับ พอใกล้สิ้นปีก็จะมีงานนี้ขึ้นอีก ถือว่าแนะนำไปซื้อ ไปกิน ครั้งหน้าก็แล้วกันครับ จริงๆ แล้วงาน OTOP นี่ผมเคยตื่นเต้นในสมัยที่จัดใหม่ๆ ที่ได้เห็นงานศิลปะ-หัตถกรรมทั่วประเทศ พอต่อๆ มาเบื่อเพราะรูปแบบของผลิตภัณฑ์ซ้ำๆ กัน แต่จำนวนผู้ผลิตหรือคนที่เอามาขายมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่ามีของเยอะแต่เหมือนกันหมด แล้วหลายอย่างไม่เหมาะกับผม ผมชอบผ้าซิ่นตีนจกอุตรดิตถ์ ผ้าซิ่นแม่แจ่ม เชียงใหม่ แต่ไม่รู้จะนุ่งอย่างไร เสื้อผ้าไหมซาฟารี 4 เส้น ที่ข้าราชการผู้ใหญ่ชอบใส่ ผมก็ใส่ไม่เป็น เพราะถ้าใส่แล้วต้องเดินตัวตรงเป็นหุ่นยนต์ไขลานทั้งวัน เมื่อยตายชัก เอารวมๆ ว่าไม่ชอบ

ฉะนั้น จึงห่างๆ ไปนานๆ จะไปสักครั้ง แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ที่เคยมองว่าเป็นสินค้าเชยๆ นั้นคิดผิด ผมเอาตัวเองเป็นตัวตั้งเกินไป สินค้า OTOP เป็นงานศิลปะ-ประเพณีนิยม ไม่ใช่งานศิลปะนิยม งานประเพณีนิยมนั้น มีความประณีตและรักษารูปแบบดั้งเดิมเป็นที่ตั้ง ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ชอบหรือต้องการของคนส่วนใหญ่ อย่างเช่นดอกไม้ประดิษฐ์ แจกัน พานพุ่ม ที่ดูมันแข็งทื่อๆ ไม่เป็นธรรมชาตินั้น เหมาะสำหรับเป็นของขวัญผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาเลื่อนตำแหน่ง ตั้งบูชาพระ หรือถวายพระ รูปเขียนสีน้ำมันวิวท้องทุ่ง มีนาข้าว มีกองฟาง มีคนพายเรือ เป็นวิวตั้งแต่สมัยคนไทยยังใช้ตะเกียง หรือรูปบึงบัว Copy งานอาจารย์ทวี นันทขว้าง นั่นยังมีคนชอบอีกเยอะ เป็นของขวัญอย่างดีไปให้คนขึ้นบ้านใหม่

แล้วอีกอย่างผู้ผลิตผลงาน จะไม่ใช่ย่ำเท้าอยู่กับที่ หลายอย่างเป็น Modern แบบซื่อๆ ในตัวของมันเอง เช่นเครื่องจักสานฝีมือกะเหรี่ยง จากสบเมย แม่ฮ่องสอน หรือเรือใบแบบฝรั่งของเชวง จากนครสวรรค์ หรือหลายอย่างเขาก็พัฒนาตัวเองให้เหมาะกับการใช้ปัจจุบัน เช่น เครื่องเหล็ก มีดต่างๆ จากอรัญญิก พระนครศรีอยุธยา เมื่อก่อนมีแต่พร้า มีดบาง มีดโต้ มีดเจียนหมาก เดี๋ยวนี้มีมีดปอกหอม กระเทียม มีดตัดกล้วยออกจากเครือ หรือตะหลิว ช้อนส้อมสำหรับสลัด กระบวย เขียง ที่ทำจากไม้สักจากหนองคาย ทันสมัยน่าใช้ เขียงนั้นเอาไปวางนึกกว่าไปซื้อมาจากเมืองนอก ผมเคยได้แส้ปัดยุง ที่ปัดยุงได้ดีกว่าใช้ยากันยุง และหาซื้ออยู่นานก็ได้จากที่นี่ นั่นเชยที่ไหนกัน

ตอนนี้พอมีงาน และพอมีเวลาจะไปครับ แต่จะไปกินและซื้ออาหารแห้งมาเก็บไว้ ซึ่งมีร้านอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารจากทั่วประเทศมาตั้งซุ้มขาย กะปิคลองโคน ปลาสีเสียดเค็มตากแห้งจากตรัง ซาลาเปาสงขลา หม่ำเนื้อเมืองพล ส่วนที่กินได้ที่นั่นก็มีเยอะแยะ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ข้าวซอย แต่ที่ผมตั้งใจมากๆ คือ อาหารจากปักษ์ใต้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีข้าวแกงปักษ์ใต้อยู่ทั่วกรุง แต่ในงาน OTOP จะไม่เหมือน เป็นอาหารใต้เฉพาะถิ่นจริงๆ อย่างที่มาจากพัทลุง มีแกงกะทิต้มหน่อไม้สดใส่ชะอม มีแกงคั่วเป็ด แกงหอย ที่สำคัญมากที่ผมจะต้องกินต้องซื้อกลับบ้าน เป็นอาหารจากปัตตานี ยะลา ที่อร่อยมาก หากินยาก อาหารทางนั้นเหมือนเราได้ไปรู้จักอาหารเพื่อนบ้านมาเลเซีย อินโดนีเซียด้วย อย่างข้าวที่หุงด้วยกะทิที่เรียกว่า นาซิดาแฆ โรยด้วยซามา ที่เป็นผงปลาแห้ง กุ้ง คั่วกับมะพร้าว กินกับแกงไก่หรือแกงปลา จะยังได้กินแกงมัสมั่นไก่ และไก่ฆอและ ไก่ย่างที่ไหนๆ ยังหากินได้ ไก่ฆอและหายากมาก เมื่อมาให้กินถึงที่ไม่กินก็เสียเที่ยว ก็สรุปว่าปีหนึ่งจะได้กินของดีๆ 2 ครั้งเท่านั้น

ดูทุกอย่างดีหมด แต่มีอยู่อย่างหนึ่งงาน OTOP เหมือนเป็นวิบากกรม เพราะระบบการวางผังงานนั้นเหมือนเกมเขาวงกตหรือเกมซ่อนหา ปีหนึ่งเปลี่ยน 2 ครั้ง เดี๋ยวจัดเป็นโซนจังหวัดตามภาครวมกัน พออีกครั้งเอาสินค้าเหมือนกันมารวมกัน เช่น เอาผ้าอีสาน ผ้าใต้ ผ้าเหนือมาอยู่ด้วยกัน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด ใครเคยซื้ออะไรได้ อยากได้อีก ไปตอนสิ้นปีหาไม่เจอแล้ว ทำไมเคยมีอย่างไรก็อยู่อย่างนั้นทำไม่ได้ นี่ถ้าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเปลี่ยนผังทุกๆ 3-6 เดือนก็เจ๊ง ต้องคิดว่าลูกค้านั้นแก่ๆ ทั้งนั้น ความจำสั้นอยู่แล้ว แค่เดินดูผ่านๆ แล้วคิดว่าเดี๋ยวกลับมาซื้อ พอจะซื้อหาร้านไม่เจอแล้ว

ขายอาหารก็เหมือนกัน ที่ปกติแบ่งเป็น 2 โซน มีทางด้านซ้ายสุด และทางด้านขวาสุดของฮอลล์ เดี๋ยวเอาอาหารเหนือ อีสาน ไปอยู่ด้านหนึ่ง กลาง ใต้ มาอยู่อีกด้านหนึ่ง พออีกครั้งหนึ่งก็ยังมี 2 ด้านเหมือนเดิม แต่ละด้านเอาอาหารทุกภาคมารวมกัน พออีกครั้งจับแยกอีกแล้ว

ผมเคยไปกินอาหารปัตตานีเมื่อเดือน มิ.ย.อยู่ทางด้านซ้าย พอเดือน ธ.ค.หาไม่เจอ นึกว่าไม่มา กลับไปอยู่ทางด้านขวา อย่างนี้ไม่เรียกว่าเรียกลูกค้า เรียกว่าไล่ลูกค้า สับสนไปหมด

ผมว่ายุบอาหาร 2 โซน เป็นโซนเดียวดีกว่า ให้ใหญ่ไปเลย เอาเหนือกลุ่มหนึ่ง อีสานกลุ่มหนึ่ง ใต้อีกกลุ่มหนึ่ง กลางกับตะวันออกรวมกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะตีกันเอง อย่างข้าวซอยเหนือมี 2 ร้าน ไก่ย่างเขาสวนกวางมี 2 ร้าน ข้าวแกงใต้มี 3 ร้าน ก็ไม่ต้องให้ร้านติดประชิดกัน ห่างกันสักหน่อยไม่เห็นเป็นอะไร ทำไมต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก

ก็นี่แหละครับ งาน OTOP ที่เพิ่งผ่านไป ก็ชวนไปอีกทีในตอนสิ้นปี ไปซื้อ ไปกิน ไปเล่นเกมซ่อนหากันตอนนั้นครับ