posttoday

คดีประทับตราเปล่า : เมื่อจูหยวนจางปราบคอร์รัปชั่น

15 พฤษภาคม 2559

จูหยวนจางเป็นฮ่องเต้ที่มาจากสามัญชนชั้นต่ำสุดของสังคม - ขอทาน

โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์

จูหยวนจางเป็นฮ่องเต้ที่มาจากสามัญชนชั้นต่ำสุดของสังคม - ขอทาน

ชื่อชั้นฮ่องเต้จูหยวนจางคือเป็นฮ่องเต้ที่มีนิสัยหวาดระแวงพวกขุนนาง เห็นใจราษฎร เพราะเมื่อครั้งจูหยวนจางอยู่ในฐานะขอทาน ได้รู้เช่นเห็นชาติพวกขุนนางว่าเป็นเหลือบไรสังคมเช่นไร “ขุนนางมันก็โกงทั้งนั้นแหละ”

แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก บ้านเมืองปั่นป่วน วิกฤตกลายเป็นโอกาส ประกอบกับความสามารถส่วนบุคคล ทำให้เขาได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิง

เมื่อสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้ นโยบายทั้งหลายของจูหยวนจาง จัดว่าโดนใจชาวบ้าน เพราะมักมองผ่านมุมมองผู้ทุกข์ยากเบื้องล่าง เรียกได้ว่าจูหยวนจางคือฮ่องเต้ที่ออกกฎหมายได้ตามหัวใจชาวบ้านที่ทุกข์ยากมานาน ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ นโยบายปราบคอร์รัปชั่น

จูหยวนจางว่า “ก่อนนี้กูเป็นชาวบ้าน เห็นพวกขุนนางโสมมเบียดเบียนไม่แยแสราษฎร กูรู้เช่นเห็นชาติพวกมัน ต่อไปนี้จะต้องใช้กฎหมายเข้มงวด ขุนนางฉ้อฉลคนไหนกล้าเบียดเบียนราษฎร จะไม่ละเว้น!”

จูหยวนจางพูดจริงทำจริง ออกกฎเข้มงวด ขอแค่ชาวบ้านชี้เบาะแส ข้าราชการคนไหนโกงหรือเบียดเบียน = ประหาร!

ช่วงแรกคดีคอร์รัปชั่นมีจำนวนไม่ถึงใจ สงสัยว่าเป็นเพราะชาวบ้านเกรงอิทธิพลมืด จูหยวนจางจึงตั้งหน่วยสายสืบอิสระ เพื่อหาเบาะแสคอร์รัปชั่นเป็นพิเศษ

มาตรการเชิงรุกกำจัดขุนนางคอร์รัปชั่นแบบนี้ เมืองในอุดมคติของชาวบ้านตาดำๆ

วันหนึ่งสายสืบอิสระเข้าเฝ้าพร้อมเอกสาร จูหยวนจางเปิดดูถึงกับผงะ

ที่แท้เอกสารนั้นเป็นบัญชีภาษีของเขตหนึ่ง ส่วนที่ทำให้จูหยวนจางขุ่นเคืองก็เพราะเอกสารภาษีนั้นมีตราเขตประทับ แต่ด้านในกลับเป็นกระดาษเปล่า

ยุคนั้นราชสำนักเก็บภาษีจากผลผลิตของแต่ละท้องถิ่นเป็นเสบียงเข้ายุ้งฉาง โดยส่วนกลางมีทั้งข้อมูลสำมะโนประชากรแต่ละเขต และโฉนดที่ดินทุกแปลงเพื่อคำนวณภาษีที่ควรจะเป็น แต่ละปีท้องถิ่นจะต้องนำเสบียงและเงินภาษีมาส่ง พร้อมเอกสารบันทึกตัวเลขจากแต่ละเขต พร้อมประทับตราท้องถิ่นนั้นๆ มาในเอกสาร เจ้าเอกสารนี่จะต้องนำมาเทียบกับจำนวนภาษีที่ควรเก็บที่คำนวณจากส่วนกลาง

เอกสารนี้ ห้ามลบ ห้ามแก้ไข ห้ามผิดเพี้ยนแม้แต่เลขตัวเดียว

Excel ก็ไม่มี รถไฟความเร็วสูงก็ยังไม่สร้าง มีแต่ลูกคิดกับม้าลาล่อ ตัวเลขพลาดไปตัวเดียว เล่นเอาต้องเดินทางกลับไปแก้ที่ท้องถิ่น เขตที่อยู่ใกล้เมืองหลวงไม่เท่าไหร่ แต่ที่อยู่ไกลๆ นี่ต้องเดินทางขึ้นม้าลงเรือ (แจว) กันเป็นเดือนๆ เดินทางหน้าร้อน ถึงเมืองหลวงหน้าฝน กลับไปแก้เอกสารหน้าหนาว แก้กลับมาอีกรอบก็ครบปีพอดี

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ขุนนางที่ต้องเดินทางไปมาไม่ตลกด้วย ต้องเสียเวลาห่างลูกห่างเมียห่างงาน มาเพื่อตัวเลขที่ผิดพลาดไปตัวสองตัว ไร้สาระ จึงปิ๊งวิธีหนึ่งขึ้นมา ก็เอาเอกสารปั๊มแต่ตราจากต้นทางมา แล้วมาลอกตัวเลขเอาที่ปลายทางสิ - หัวแหลม

ใช้ง่ายฉลาดคิด จึงทำให้วิธีนี้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ใช้กันจนชินเป็นเรื่องปกติ จนซักพักก็แพร่หลายไปถึงมือสายสืบ และฮ่องเต้จูหยวนจาง

กลับมาต่อที่พระราชวัง

จูหยวนจางโกรธมาก พวกขุนนางขี้ฉ้อไว้ใจไม่ได้ เอกสารภาษีคือปากท้องของประเทศ พวกนี้มันต้องโกงและเบียดเบียนชาวบ้านหรือบ้านเมืองอะไรซักอย่างมาแน่ๆ

จูหยวนจางสั่งสอบสวนทันที น่าตกใจว่า กว่าครึ่งใช้วิธีประทับตราเปล่ากันทั้งนั้น จูหยวนจางใช้ยาแรงเช่นเคย ผู้ถือตราประจำเขตที่ใช้เอกสารเปล่า และคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ต้องประหาร! นับจำนวนได้รวมร้อยกว่าคน

อันที่จริงวิธีนี้เป็นที่รู้กันทั่วไป ถึงไม่ถูกขั้นตอน แต่จะให้ทำตามระบบที่ตั้งไว้ก็สุดวิสัย ใครๆ ก็รู้ (ยกเว้นก็แต่จูหยวนจางเท่านั้นที่เพิ่งรู้)

คำสั่งประหารคดีประทับตราเปล่าออกมาแล้ว ขุนนางที่ทำผิดก็ถูกจับหมดแล้ว ขุนนางที่เหลือต่างก็พูดไม่ออก จะอธิบายอะไรได้ ฮ่องเต้จูหยวนจางได้ชื่อว่าโกรธเกลียดอาฆาตการทุจริตฉ้อฉลมาแต่ไหน จนขุนนางแทบทุกคน “กลัว” ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว

แล้วก็มีผู้กล้า ขุนนางท้องถิ่นตงฉินท่านหนึ่ง นามเจิ้งซื่อหยวน แม้เป็นเพียงขุนนางท้องถิ่นเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เคยช่วยราชสำนักปราบคอร์รัปชั่นอย่างแข็งขัน  เพิ่งได้รับคำชมจากจูหยวนจางไปเมื่อปีที่แล้ว

เจิ้งซื่อหยวนหวังจะเขียนอธิบายสภาพความเป็นจริงในการทำงานให้จูหยวนจางได้เข้าใจ แม้รู้ว่าการคัดง้างจูหยวนจางมีความเสี่ยง แต่เอาก็เอาวะ ข้าตายคนเดียว ถ้าช่วยเพื่อนอีกนับร้อยชีวิตได้ก็เรียกว่าคุ้ม จิตใจตงฉินก็เป็นแบบนี้

เจิ้งซื่อหยวนชี้แจงเหตุผลต่างๆ นานา ทั้งเรื่องที่ว่าเอกสารเปล่าประทับตราในทางปฏิบัติเอาไปโกงอะไรไม่ได้ ที่ทุกคนทำกันมาเนิ่นนานก็เพราะมันสะดวกกับสภาพความเป็นจริง และขุนนางที่จะโดนประหารต่างเป็นเรี่ยวแรงและกำลังของราชสำนัก ไม่ใช่ผักหญ้าที่แค่ตัดแล้วเอามาปลูกขึ้นใหม่ได้ง่ายๆ

ที่จริงเจิ้งซื่อหยวนไม่ได้ซื่อบื้อเอาแต่ติติง ยังลงท้ายด้วยคำชื่นชมเมตตากรุณาของฮ่องเต้จูหยวนจางว่า เป็นเพราะเป็นห่วงราษฎรจึงอาจรีบร้อนตัดสินใจเช่นนี้

แต่จูหยวนจางเป็นฮ่องเต้ชาวบ้าน ไม่ชอบอ่านอะไรยาว นิสัยส่วนตัวยิ่งไม่ชอบให้ใครขัดใจ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอ่านไม่ทันถึงคำเยินยอตอนท้าย หรือให้น้ำหนักกับคำติมากกว่าคำปลอบประโลม จูหยวนจางโกรธเกรี้ยว โกงก็คือโกง ไม่มีอะไรต้องฟังต้องแก้ตัวทั้งนั้น สั่งเนรเทศให้เจิ้งซื่อหยวนไปเป็นทหารที่ชายแดน

ปราการด่านสุดท้ายของคดีนี้จึงแตกพ่าย

ชีวิตขุนนางนับร้อยตายจริงไม่มีอำเล่น หลายคนในนั้นมีประวัติเป็นขุนนางตงฉินที่ประชาชนรักและชื่นชม

จูหยวนจางใส่ใจประชาราษฎร์ด้วยการปราบคอร์รัปชั่นนั้นดีอยู่ แต่ปราบปรามด้วยความแค้นที่เคยเป็นชาวบ้านผู้โดนเบียดเบียน ไม่ใช่ทัศนคติที่จะมาใช้จัดระเบียบปกครองแผ่นดิน

มองบางมุมเหมือนปราบคนฝืนคำสั่งเป็นหลัก มากกว่าพยายามหาวิธีปราบคอร์รัปชั่น

หรือถ้าจูหยวนจางปักหลักไปแล้วว่าวิธีปราบขุนนางคอร์รัปชั่นมีได้แค่ตั้งโทษแรงให้หลาบจำ หรือไม่ก็ฆ่าทิ้งเสียให้หมด จูหยวนจางก็คงมองไม่ออกว่า ระหว่างความไม่ถูกใจที่โดนขัดคำสั่ง ขัดอัตตา กับการทุจริตคอร์รัปชั่น มันจะต่างกันตรงไหน

การปราบปรามคอร์รัปชั่นของจูหยวนจางตั้งต้นด้วยความระแวง ก่อกำแพงล้อมตัวเองด้วยความโกรธเกรี้ยว จนไม่มีใครกล้าอธิบายอะไรเพราะความกลัว จึงจบลงด้วยความสูญเสียและสูญเปล่า

ชีวิตพระองค์ยังเคยบ่นไม่เข้าใจ “กูคิดฆ่าขุนนางคอร์รัปชั่น ไม่คิดเลยว่าประหารกลุ่มหนึ่งไปตอนเช้า หัวค่ำก็มีมาให้ประหารอีกกลุ่ม งั้นก็อย่าโทษข้าอีกเลย ต่อจากนี้คอร์รัปชั่นไม่ว่าจะน้อยใหญ่แค่ไหน ฆ่ามันให้หมด!”

คดีปราบคอร์รัปชั่นต่อๆ มาของจูหยวนจางจึงมีขุนนางต้องสังเวยชีวิตนับหมื่น เล่นเอาท้องพระโรงโล่งโหวงเหวง ลงกินเนสบุ๊กได้ว่าเป็นผู้นำที่สั่งประหารขุนนางด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นจำนวนมากที่สุดในโลกยังได้ แต่ท้ายที่สุดจูหยวนจางก็ไม่เคยปราบขุนนางคอร์รัปชั่นให้หมดไปได้จริง

จนฮ่องเต้จูหยวนจางตายไป ความมุ่งมั่นประหารคอร์รัปชั่นแบบปักหลักไม่ฟังใคร ทำให้ขุนนางที่ไม่ควรตายตายไปมากมาย และก็ไม่เคยทำให้บ้านเมืองราชวงศ์หมิงไร้คอร์รัปชั่นอย่างยั่งยืนเลย

ข่าวล่าสุด

ทรูเร่งกู้สัญญาณชายแดนไทยกัมพูชาดูแลการสื่อสารช่วงหยุดยิง