posttoday

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

18 ตุลาคม 2558

เช้าวันหนึ่งในเดือน ม.ค. 2546 ฟ้า ปราณีโชติรส พนักงานบริษัท การบินไทย ลองตรวจหามะเร็งเต้านม

โดย...โยธิน อยู่จงดี

เช้าวันหนึ่งในเดือน ม.ค. 2546 ฟ้า ปราณีโชติรส พนักงานบริษัท การบินไทย ลองตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ หลายท่าผ่านไปยังไม่พบความผิดปกติ จนถึงท่าสุดท้ายเธอคลำเจอก้อนเนื้อเล็กๆ ที่บริเวณด้านข้างของหน้าอกขวา ซึ่งปกติแล้วไม่เคยพบเจอมาก่อน เริ่มผิดสังเกตแล้วว่า ไม่ใช่ก้อนเนื้อปกติ แต่ด้วยความที่ยังเป็นก้อนเล็ก และจับเจอบ้างไม่เจอบ้าง ประกอบกับงานที่ค้างคาติดพันอยู่มาก ทำให้เธอละเลยการไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

ความชะล่าใจนำไปสู่ความเสี่ยงถึงชีวิต

“หลังจากตรวจเจอด้วยตัวเองในครั้งแรก ก็คิดว่าอีกสักพักเราจะไปหาหมอ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่ทำงานจริงจังมาก ถึงขนาดที่ว่าถ้างานไม่เสร็จก็ไม่นอน ทุกอย่างต้องละเอียด ทำเสร็จแล้วก็ต้องย้อนกลับไปเช็กให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้ง ว่าไม่มีอะไรผิดพลาดในงาน ซึ่งเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

การหักโหมงาน“ยิ่งทำให้สุขภาพของเราแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 เดือน เช้าวันที่ 1 มิ.ย. 2546 ก็ลองคลำตรวจด้วยตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ไม่ว่าจะคลำท่าไหนก็เจอไปหมด ก้อนเนื้อโตเร็วมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ วันนั้นรีบเคลียร์งาน แล้วไปพบหมอที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตอนเย็น เพื่อพบคุณหมอประจำตัวที่เรารักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

“เหมือนคุณหมอจะรู้ดีว่าน่าจะไม่ใช่ก้อนเนื้อที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะเป็นเนื้อที่โตเร็วผิดปกติ จึงรีบส่งตัวไปพบคุณหมอกฤษณ์ (รศ.นพ.กฤษณ์ จาฏามระ) เพื่อเจาะตรวจชิ้นเนื้อตรวจดูว่าเป็นก้อนเนื้อแบบไหน

“หลังจากตรวจชิ้นเนื้อประมาณ 2 วัน ผลตรวจก็มาถึงมือคุณหมอกฤษณ์ คืนนั้นหลังเลิกงานก็ไปพบคุณหมอเพื่อฟังผลตรวจ บรรยากาศในโรงพยาบาลหลัง 4 ทุ่ม วังเวงกว่าทุกครั้งที่เคยเข้ามาใช้บริการ ทุกแผนกปิดหมดเหลือเพียงเรากับสามี และคนไข้คนอื่นอีกไม่กี่คน

“ใจคอเรากับสามีไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แต่เรารู้ตัวเราดีว่าเป็นคนเข้มแข็งพอที่จะรับฟังทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงตัดสินใจขอเข้าไปฟังผลเพียงคนเดียว และให้สามีรอข้างนอก หมอเปิดผลตรวจออกมา คำแรกที่หมอพูดคือ ‘เป็นเนื้อไม่ดีนะ’ แค่คำว่าเนื้อไม่ดีเราก็รู้แล้วว่าคือมะเร็ง แต่เราไม่คิดว่าจะเกิดกับเรา ใจหายวูบไปเลยความรู้สึกเหมือนเรากำลังตกจากที่สูง ถ้าเทียบกับเรื่องร้ายอื่นๆ เรื่องนี้ก็คงเหมือนกับตกเหวลึกลงไปเลย ความเข้มแข็งของเราที่มีเจอแบบนี้ก็จิตตกได้เหมือนกัน”

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

ขณะนั้นในใจ ฟ้า คิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ลูกชายคนโตกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ลูกสาวคนเล็กเรียนอยู่มัธยมต้น เธอจึงถามคุณหมอกลับไปว่า “คุณหมอคะบอกหนูมาตรงๆเลยนะว่าตอนนี้หนูเป็นขั้นไหนแล้วเราจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หนูจะได้เตรียมการชีวิตได้ถูกเพราะหนูมีลูก” เธอถามไปด้วยใจนั้นเชื่อว่าถ้าเป็นมะเร็งส่วนใหญ่จะจบที่ความตายแน่ๆ และคุณหมอคงจะประมาณถึงเวลาที่เราน่าจะมีชีวิตอยู่เหมือนที่เคยได้ยินในละคร

แต่คุณหมอยิ้มแล้วให้กำลังใจ บอกกับคนไข้ที่กำลังใจเสียสุดขีดว่า “ที่ผมบอกมาทั้งหมดตรงที่สุดแล้ว และก็ยังบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นขั้นไหน เพราะมันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นมะเร็งเต้านมรักษาได้ ผมรักษาคุณได้ แต่เราต้องผ่าเอาก้อนเนื้อทั้งหมดออกมาก่อน แล้วเราจะได้บอกว่าต้องรักษากันอย่างไร” หลังจากนั้น ฟ้า ก็ถูกส่งประวัติการรักษาทั้งหมดไปที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ทันที

ฮึดสู้มะเร็ง

“คืนนั้นขับรถกลับบ้านมา ความรู้สึกเราเศร้ามาก ความวิตกกังวลถึงลูก ถ้าเราจากไปแล้วใครจะดูแลเขาได้ดีเท่าเรา เรามีสามีที่ดีมากๆ ก็จริง แม้เขาสามารถเลี้ยงดูลูกได้ดี แต่ก็ไม่เท่ากับความเอาใจใส่ของแม่ที่มีมากกว่า

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

“เราทั้ง 2 คนอยู่ในความรู้สึกเศร้ามาก คืนนั้นกลับบ้านแบบเบลอๆ ด้วยกันทั้งคู่ ไม่รู้ชีวิตจะไปทางไหนต่อ แฟนบอกให้โทรหาน้องที่รู้เรื่องการใช้บริการที่โรงพยาบาลจุฬา เพราะเราไม่เคยเข้าไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาก่อน ตอนนั้นสามีอยู่ในสภาพที่เศร้าเสียใจที่สุดด้วยกลัวว่าจะเสียเราไป

“พอเห็นสามีเป็นแบบนั้นเราจึงต้องฮึดสู้ขึ้นมา เพราะถ้าเป็นแบบนี้ทั้งคู่ทุกอย่างจบ ต้องมีคนใดคนหนึ่งตั้งสติลุกขึ้นมา ตรงนี้สำคัญมากเพราะไม่มีกำลังใจดีกว่าเท่ากับการให้กำลังใจตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ให้ได้ จากจุดแรกที่เราฮึดสู้ ก็เป็นก้าวแรกที่เรียกสติกลับมา บอกกับตัวเองว่าเราจะต้องสู้ไปด้วยกัน เรื่องนี้บอกลูกได้แต่อย่าทำให้ลูกกังวล บอกให้เข้ารู้ว่าแม่เป็นมะเร็งและกำลังจะเข้ารับการรักษา แต่เราทั้งคู่ต้องไม่แสดงอาการเศร้าโศกให้ลูกเห็น เพราะเขากำลังอยู่ในวัยเรียน ต้องทำตัวเป็นปกติให้มากที่สุด ให้เข้ารู้แค่แม่ป่วยแต่แม่สู้ไม่ถอยเพื่อพวกเขา

“วันที่ 11 มิ.ย.เดินทางเข้ามาผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬา ด้วยใจที่ยอมรับแล้วว่าตัวเราเองเป็นมะเร็ง ซึ่งต่อมาถึงรู้ว่าจุดนี้สำคัญมาก เราต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ แล้วเราจะมีกำลังใจที่พร้อมจะยอมรับการรักษา ถ้าเรายังไม่สามารถยอมรับว่าเป็นมะเร็งกำลังใจก็จะไม่เกิดการรักษาก็จะไม่ได้ผล”

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

มะเร็งพรากความสวยไปจากฉันไม่ได้หรอก

การผ่าตัดมะเร็งดำเนินไปได้ด้วยดี นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกของฟ้า คุณหมอเลือกวิธีการตัดเอาเฉพาะเนื้อมะเร็งออกไปโดยรักษาเต้าเอาไว้ เพราะเข้าใจถึงจิตใจคนไข้ดี ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะใช้วิธีการรักษาเต้าไว้จะดีกว่า

หลังผ่าตัดเธอกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ จนเวลาผ่านไป 1 เดือน คุณหมอเรียกพบอีกครั้งเพื่อแจ้งว่าจะต้องรับการรักษาด้วยวิธีการให้คีโม ทันทีที่ได้ยินว่าตัวเองต้องรักษาด้วยคีโม อาการใจเสียก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้เธอจะทำใจเข้มแข็งมาได้ แต่เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอพบเห็นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งแล้วเข้ารับการรักษาด้วยวิธีคีโม ทุกคนอยู่ในสภาพอิดโรย ผมร่วง ร่างกายทรุดโทรม

คุณหมอให้เหตุผลกับเธอว่า เนื้อมะเร็งที่ผ่าออกมามีขนาดประมาณ 2 ซม. แต่เพื่อความแน่ใจว่าเซลล์มะเร็งจะไม่แพร่กระจายไปส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การให้คีโมจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

การให้คีโมคือด่านหินที่สุดในการรักษามะเร็ง คีโมก็คือการรักษามะเร็งด้วยการใช้ยายับยั้งเซลล์มะเร็งที่มีการเจริญเติบโตเร็วเช่น เซลล์มะเร็ง แต่สารนี้ก็เหมือนยาพิษ ที่ฉีดเข้าร่างกายของเราจึงไม่ได้ยับยั้งเฉพาะเซลล์มะเร็งเท่านั้น เล็บ เส้นผม เซลล์ที่มีการเติบโตเร็วก็จะหยุดชะงัก ทำให้เกิดอาการผมร่วง คลื่นไส้อาเจียนไปด้วย ไม่อยากรับประทานอาหาร

“วันที่ให้คีโมเข็มแรกในกรณีของเรามีอาการผะอืดผะอม ตอนประมาณเที่ยงคืน มีเสียงท้องร้องดังในระดับที่คนนั่งใกล้ๆสามารถได้ยินชัดเจน เหมือนมีอะไรบางอย่างสู้กันอยู่ในท้อง สามีก็ตกใจคิดว่าเป็นอะไรผิดปกติ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรยากำลังสู้กับมะเร็งอยู่ ปล่อยให้มันสู้กันไป ดูสิว่าคีโมกับเซลล์มะเร็งใครจะชนะแล้วเราก็หัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องเรา

ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เธอเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดครอบครัวหนึ่ง มีคุณพ่อที่มีจิตใจเมตตาชอบช่วยเหลือผู้อื่น สอนให้ลูกๆ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เข้มแข็ง และพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้จึงติดตัวมาตั้งแต่ๆ เด็กๆ ประกอบสมัยเรียนมัธยมต้นเธอได้รู้จักการฝึกนั่งสมาธิ ซึ่งไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะได้นำมาใช้สู้กับมะเร็ง

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

คืนนั้นเองเธอใช้วิธีการนั่งสมาธิควบคุมจิตใจและร่างกายจนหลับในสมาธิไป เป็นอย่างนี้ 2 คืน มีอาการผะอืดผะอมอยากอาเจียนแต่ยังไม่มีอาการผมร่วง เป็นช่วงเวลาทรมานแต่ก็ต้องเข้มแข็งทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด ผ่าน 5 วันแรกหลังจากร่างกายเริ่มกลับมาเข้าที่ ถึงเช้าแรกของวันที่ต้องกลับไปทำงาน เธอยังคงแต่งหน้าแต่งตัวไปทำงานตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวที่สุดของลูกผู้หญิงว่า “ถึงจะเป็นมะเร็งแต่ไม่ได้หมายว่าฉันต้องหยุดสวย มะเร็งพรากความสวยไปจากฉันไม่ได้หรอก” ฟ้า เล่าพลางหัวเราะร่าเริง แสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตการมีอารมณ์ขันก็เป็นเรื่องสำคัญ

มะเร็งแพ้รอยยิ้ม

“ช่วงเวลาให้คีโมเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ โดยเฉพาะช่วง 5 วันแรกหลังการให้ยาร่างกายต้องต่อสู้กับสารพิษและพยายามขับออกไปให้มากที่สุด หลังการให้คีโม ต้องปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอสั่งทุกอย่าง

“แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับความทุกข์โดยใช่เหตุ ตอนนั้นเราเลือกที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ด้วยเสียงหัวเราะ เล่นมุข ‘อะไรเอ๋ยแก่ง่ายตายยาก... ก็เมียไง’ สามีก็บอกใช่ๆ เมียตายยากไม่ตายง่ายๆ หรอก เราก็หัวเราะมีความสุข ในช่วงที่ได้รับคีโมเราก็หาภาพยนตร์ตลกมานั่งดูกัน อะไรที่มันดูแล้วตลกขบขันอารมณ์ดีเราเอามาดูหมด หัวเราะร่าเริงกันสนุกสนาน พูดได้เลยว่าช่วงนั้นไม่เครียดเลย เรื่องตลกจะทำให้เราลืมความเจ็บปวดในร่างกายไปจนหมด หรือทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บเราก็นั่งสมาธิภาวนา พุทโธๆ อย่างนี้จนรู้สึกดีขึ้น”

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

ดูเหมือนว่ามะเร็งจะแพ้เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มจริงๆ โดยปกติแล้วคนที่ถูกให้คีโมจะมีระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ จนต้องให้สารกระตุ้นสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อป้องกันเชื้อโรค แต่เคสของเธอนั้นเม็ดเลือดขาวอยู่ในระดับปกติจนคุณหมอเองยังแปลกใจ ทำให้ผลการรักษาออกมาในทางบวกตามลำดับ แม้จะมี 2 ครั้งที่เม็ดเลือดขาวต่ำจนไม่สามารถให้คีโมได้ แต่สัปดาห์ถัดมาจำนวนเม็ดเลือดขาวก็กลับเพิ่มขึ้นเองจากการใช้ชีวิตปกติอย่างมีรอยยิ้มของเธอ

ฟ้าเล่าต่อว่า “พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีปรับเปลี่ยนไปบ้าง จากเดิมที่ทำงานถึงเที่ยงคืน ก็เป็น 6 โมงเย็น ปิดโน้ตบุ๊กเลิกงาน เช้าค่อยเริ่มทำใหม่ หรือถ้างานเร่งด่วนจริงๆ ก็จะอนุโลมให้ได้แค่ 3 ทุ่มเต็มที่

“อาหารการกิน ต้องเน้นสด สะอาด ปลอดภัย แต่ถ้าไปต่างจังหวัดไม่มีตัวเลือกก็ไม่เป็นไร เพราะเรายึดหลักทางสายกลาง ตึงไปชีวิตก็ไม่มีความสุข หย่อนไปชีวิตก็เดินในความประมาท

ฟ้า ปราณีโชติรส มะเร็งพรากความสวย ไปจากฉันไม่ได้

 

“หลังจากนั้นเราก็รับคีโมตามที่คุณหมอนัดหมาย ทำตัวเป็นปกติทำงานแต่งตัวแต่งหน้า โชคดีที่อย่างหนึ่งที่ผมไม่ร่วงในช่วงแรกๆ แต่ไปร่วงตอนรับคีโมเข็มสุดท้ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เราก็เตรียมตัวเรื่องผมร่วงไว้แล้วว่าอย่างมากก็ใส่วิกไปทำงานแค่นั้น

“พอจบการรักษาด้วยคีโมก็เข้ารับการฉายแสงต่อ ขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากแล้วสบายมากเมื่อเทียบกับคีโม เพราะหลังจบการให้คีโมเราก็ใจชื้นขึ้นแล้ว เพราะผลตรวจออกมาเป็นไปในทางบวกเป็นส่วนใหญ่”

จนกระทั่งถึงวันที่ 30 ธ.ค. ในปีเดียวกัน ของขวัญส่งท้ายปีเก่าที่มีค่าที่สุดคือประโยคสวรรค์จากคุณหมอสิ้นสุดการรักษา เธอฉลองชีวิตใหม่ด้วยการทำบุญให้ชีวิต และกลับมาเริ่มต้นงานบุญ 10 อย่างที่เธอทำทุกปีตั้งแต่ก่อนหน้าที่เธอจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง

หลังจากนั้นฟ้าได้รับการชักชวนจากคุณหมอกฤษณ์ แพทย์ผู้ทำการรักษา ให้ช่วยเข้าร่วมโครงการให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมคนอื่นๆ ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยมีเธอเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สามารถใช้ชีวิตปกติอย่างมีความสุข แม้จะต้องเจอกับโรคมะเร็งจนสามารถรักษาให้หายขาด ไม่ทันจบประโยคดี เธอรีบตอบตกลงในทันทีไม่รีรอ

เธอบอกเหตุผลนั้นกับเราว่า หากประสบการณ์ของเธอสามารถให้ความรู้และกำลังใจช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ป่วยคนอื่นๆ ได้ เธอก็พร้อมที่จะทำเฉกเช่นเดียวกับที่คุณพ่อของเธอเคยมีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน

ทุกวันนี้ ฟ้า เป็นประธานกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ในการช่วยเหลือให้คำปรึกษาแนะนำพูดคุยให้กำลังใจกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เธอทิ้งท้ายว่าบทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้คือ

อย่าไปคิดเองว่าเจอแล้วไม่เป็นไร คลำแล้วไม่เจ็บคงไม่เป็นไร เพราะมะเร็งเจอแรกๆ ก้อนเล็กๆมันจะไม่เจ็บ แต่ถ้าปล่อยนานจะกลายเป็นเจ็บแล้วเจ็บหนักมากเสียด้วย ถ้าพบแล้วไปหาหมอทันทียิ่งมีโอกาสหายขาดสูง แต่ถ้าเราปล่อยให้มันโตเรื่อยๆ โอกาสในการรักษาก็จะยิ่งน้อยลงทุกวัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดมะเร็งแพ้รอยยิ้ม เราอย่ายอมแพ้ ต้องยิ้มสู้หัวเราะสู้ แล้วเราจะชนะเหมือนกับที่ฟ้าเคยชนะมาแล้ว