ร้านตัดผม ที่มากกว่าการเสริมหล่อ
ร้านตัดผมของรัฐสภาอาจถือเป็นหนึ่งในร้านตัดผมตามแนวคิดนี้ เนื่องจากเป็นร้านที่เปิดให้บริการมากกว่า 20 ปี
โดย...สุวนันท์ มั่นศรี ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
นักการเมืองก้มหัวให้
ร้านตัดผมของรัฐสภาอาจถือเป็นหนึ่งในร้านตัดผมตามแนวคิดนี้ เนื่องจากเป็นร้านที่เปิดให้บริการมากกว่า 20 ปี ซึ่งหัวของนักการเมืองรุ่นใหญ่จำนวนไม่น้อยต่างผ่านมือของ 3 สาว “นุชาวดี คเชนทร์มาศ-สิริรัตน์ นาคสุ่น-นิสาชล ธนสัตย์สถิต” ช่างตัดผมมือฉมังประจำร้านมาด้วยกันทั้งนั้น
พี่นุช หรือ นุชาวดี เล่าถึงตำนานของร้านตัดผมแห่งนี้ว่ามีมานานกว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้คุณลุงเทวัลย์ เขมาภิรักษ์ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วเป็นคนแรกๆ ที่มาให้บริการ โดยมีนักการเมืองรุ่นใหญ่ๆ จำนวนมากผ่านการให้บริการของลุงมาทั้งนั้น สำหรับส่วนตัวมาทำงานที่ร้านนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 มีเพื่อนชักจูงกันมา
“การทำงานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับร้านตัดผมข้างนอก เพราะร้านในรัฐสภาทำให้เรามีวันหยุดเป็นเวลาแน่นอนในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ไม่เหมือนกับร้านข้างนอกบางแห่งที่ต้องทำงานแทบทุกวันและไม่มีวันหยุดแน่นอน” นุช กล่าว
ส่วน สิริรัตน์ หรือ พี่น้อง พูดถึงบรรดาบิ๊กการเมืองที่เข้ามาเสริมหล่อว่า ทุกท่านให้ความเป็นกันเองกับพวกเราทุกคน ไม่มีการถือตัว ช่วงแรกยอมรับว่าตอนมาทำงานแรกๆก็มีความเกร็งอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาตัดผมให้กับนักการเมือง แต่นานๆ ไปก็คุ้นเคย เพราะทุกท่านให้ความเป็นกันเองกับพวกเราทุกคน
“หากให้เอ่ยชื่อนักการเมืองที่เข้ามาตัดผมและเท่าที่จำได้ก็มี ท่านอาทิตย์ อุไรรัตน์ ท่านสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์สองอดีตประธานสภา ท่านวิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีตรองประธานสภา ท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส่วนมากทุกท่านมีการพูดคุยในเรื่องทั่วไป อาจมีพูดเรื่องการเมืองบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่นัก”
ในอีกมุมหนึ่ง นิสาชล หรือ สายชล ได้บอกถึงความสำคัญของร้านแห่งนี้ว่า ทุกท่านจะใส่ใจกับการดูแลตัวเองในเรื่องทรงผมเป็นพิเศษ เพราะเข้าใจว่าพวกท่านต้องอภิปรายในสภา และมีบางครั้งที่การประชุมสภาก็มีการถ่ายทอดสด ซึ่งส่วนมากจะนิยมตัดผมรองทรงธรรมดาทั่วไปเพื่อความสุภาพ ทำให้ร้านตัดผมของเรามีนักการเมืองแวะเวียนมาสม่ำเสมอ ยกเว้นช่วงปิดสมัยประชุมสภาหรือยุบสภา
“แต่ร้านนี้ไม่ได้ให้บริการเฉพาะนักการเมืองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้บริการแก่ข้าราชการของรัฐสภาด้วยเพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการประจำรัฐสภาซึ่งมีรายได้ไม่มากนัก แต่สามารถจะเข้ามารับบริการเหมือนกับไปใช้บริการร้านข้างนอกได้”
สุดท้ายทั้งสามคนบอกตรงกันว่าจะขอทำงานเป็นช่างตัดผมที่รัฐสภาต่อไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกอยู่แล้วมีความสุขและมีความผูกพันกับทุกคนที่เข้ามารับบริการ และคิดว่าร้านตัดผมแห่งนี้จะอยู่คู่กับรัฐสภาไปอีกนาน