จากลูกค้ากลายเป็นพี่น้อง กัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย- พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล

โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ... กิจจา อภิชนรจเรข

ความเชื่อกันว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยรองรับเสมอ อาจเพราะเคยหนุนนำกันมาครั้งอดีต ทำให้ต้องมาเจอะเจอเกี่ยวข้องกันอีกในชาตินี้ มนุษย์บนโลกใบนี้มีมากมายเป็นหมื่นล้านคน อะไรทำให้เรามารู้จักสนิทสนมกับคนบางคนได้อย่างแนบเนียน รักใคร่สนิทใจทั้งที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่เคยเรียนด้วยกัน ไม่เคยทำงานด้วยกัน แต่ถึงวันหนึ่งก็มาสนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมา

เช่นเรื่องราวของคู่ซี้พี่น้องคู่นี้ ฝ่ายหญิงเป็นนักธุรกิจเจ้าของสถานเสริมความงามเดซี่ ดีว่า แบงค์-กัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย ฝ่ายชายเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของแบรนด์ลาบูธีค โต-พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล ทั้งคู่รู้จักกันมาเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว โดยคุณโตมาเป็นลูกค้าที่สปาของคุณแบงค์ ที่เพิ่งเปิดบริการสาขาแรกที่สยามสแควร์ ตอนนั้นคุณแบงค์มาให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง จนคุณโตเกิดความประทับใจที่ให้บริการดี ไม่ยัดเยียดเซ้าซี้ขายของจนเกินพอดี จนกระทั่งคุณแบงค์ไปเปิดสาขาใหม่อีกร่วม 10 สาขา คุณโตก็ตามไปอุดหนุนทุกสาขาที่มี

รักเขาเหมือนน้องชาย

กัลยรัตน์ กล่าวถึงพัชรวัฒน์ ว่า เขาไม่ใช่แค่คนรู้จัก ไม่ใช่แค่ลูกค้า แต่เขาเหมือนน้องชายคนหนึ่ง มีความรักใคร่ถูกชะตากันเป็นอันมาก ยิ่งนานวันยิ่งสนิท โทรหากันบ่อยมาก ไลน์หากันทุกวัน เขาเก่งเรื่องการแต่งตัวเราก็จะปรึกษาเขาเวลาไปช็อปปิ้ง อะไรที่ไม่แน่ใจก็จะไลน์มาถาม ส่งรูปมาให้ดูว่ามันโอเคไหม แมตชิ่งกันได้ดีหรือเปล่า

“เราไม่มีน้องชาย มีเขาก็เหมือนมีน้องชายเพิ่มมาอีกคน เขาเป็นคนมีสีสัน สนุก มองโลกในแง่ดี เวลาไปงานกับเขา เขาจะดูแลเรา บางทีเราพูดไม่ค่อยเก่ง ไม่รู้จะคุยกับใคร มีเขาไปด้วยเขาคุยได้กับทุกคน ร่าเริงมีความสุขทำให้คนอื่นได้ยิ้มได้หัวเราะ เขาเอนเตอร์เทนคนได้ดีมาก มีอะไรดีๆ เขาจะคิดถึงเราเสมอ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เธอยังได้กล่าวถึงสิ่งที่เป็นห่วงน้องชายนอกอุทรคนนี้ก็คือ เขาเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน การขยายงานขยายการลงทุน แล้วเขาไม่ถนัดเรื่องการเงิน การทำบัญชี ทำให้บ่อยครั้งจะไม่ละเอียด ไม่รอบคอบ การใช้งบประมาณในการทำตลาด การทำประชาสัมพันธ์ต่างๆ ห่วงว่าเขาจะรั่วไหลหรือต้องจ่ายแพงกว่าที่ควรจะเป็น ก็อยากจะเตือนให้เขารอบคอบดูให้ละเอียด อย่าเร่งรีบกดดันตัวเองมากเกินไป ช้าๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน

“เราจบด้านการเงินมาก็จะช่วยดูให้บ้าง คอยฉุดๆ ให้เขาช้าลงสักนิด แนะนำให้เขาดูงบประมาณ งบการเงินให้เป็น ถ้าจะลงทุนอะไรด้วยเงินก้อนโต เราก็จะแนะนำเขาว่าต้องทำอะไรยังไง อะไรต้องทำก่อนทำหลัง อะไรรอได้ คือเขาเร็ว เราช้า พอมาเจอกันมันก็จะพอดีถ่วงสมดุลกันไว้ได้บ้าง”

เธอเล่าว่าทุกวันนี้ก็เหมือนคู่แฝดเลยก็ว่าได้ ไปไหนด้วยกัน ช็อปปิ้ง กินข้าวด้วยกัน มีบางช่วงที่งานเยอะทั้งคู่ ไม่ได้ออกงานด้วยกันสักระยะหนึ่ง มีคนแอบไปเมาท์ว่าแตกคอกันซะแล้ว เลยรีบโทรไปบอกว่ามาออกงานด้วยกันเร็วๆ สยบข่าวลือกันสักหน่อย (หัวเราะ)

 

อยากให้เขาดูแลสุขภาพให้มากขึ้น

พัชรวัฒน์ กล่าวถึงพี่สาวคนสนิทของเขาว่า ดูจากภายนอกแล้วเธอดูเป็นสาวหวานเรียบร้อยนุ่มนิ่ม แต่ตัวจริงแล้วนิสัยแมนมากเหมือนผู้ชาย คือ ไม่จุกจิก ไม่หยุมหยิม ง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้ แล้วสนิทพูดคุยได้ทุกเรื่อง ต้องไลน์คุยกันทุกวัน

“เราเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีพี่มีน้อง พอมีพี่แบงค์เหมือนได้พี่สาวเพิ่มเข้ามา เขาเป็นที่ปรึกษาด้านความงามของเรา เขาไปเปิดสาขาที่ไหนเราตามไปทุกที่ อยู่กับเขาคนเดียวไม่ใช้บริการที่อื่นเลย เดี๋ยวนี้กลายเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย แถมยังไปสนิทกับสามีพี่เค้าด้วย จะลงทุน จะขยายงานอะไร เอาแผนงานไปนั่งปรึกษาเลย เพราะเขาเป็นนักการเงินทั้งคู่ ปรึกษาเขาได้ไม่มีพลาด ขอบคุณมากจริงๆ เรื่องนี้ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องระบบบัญชีอะไรเลย” เขากล่าวอย่างสำนึกขอบคุณ

เขากล่าวว่า เธอเป็นพี่ที่สนิทมาก (ลากเสียงยาวๆๆ) ไม่มีเรื่องไหนที่คุยไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องแฟน ตอนนี้ทั้งสามีของพี่และแฟนของเราก็มาสนิทสนมกัน มีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด เหมือนญาติสนิท เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เสริมจุดแข็ง ลดจุดอ่อนของกันและกันได้อย่างลงตัว

“เวลามีปัญหาเรื่องงาน จะทำโฆษณา จะทำประชาสัมพันธ์อะไร บอกพี่เขาได้ เขามีคนดีๆ แนะนำให้เราเลือกใช้บริการ แม้กระทั่งเรื่องเที่ยว เรื่องช็อปปิ้งพี่เค้าก็แนะนำได้ ไม่มีผิดหวังจริงๆ พี่เค้าเป็นแก้วสารพัดนึกสำหรับเราจริงๆ รักที่สุดเลยคนนี้” เขากล่าวอย่างรักใคร่

สำหรับสิ่งที่เขาเป็นห่วงพี่สาวคนนี้ที่สุดก็คือเรื่องสุขภาพ เพราะเธอทำงานหนักมาก แทบจะ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นหญิงบ้าพลังมาก แล้วงานเขาจุกจิกต้องเกี่ยวข้องกับคนเยอะ ตัวเลขก็เยอะละเอียดยิบย่อย อยากให้พักๆ บ้าง แล้วก็ไม่ค่อยกิน กินเยี่ยงแมวดม กลัวจะเจ็บไข้ได้ป่วย อยากให้ทำงานให้น้อยๆ ลงหน่อย ห่วงตรงนี้ แล้วเป็นคนซีเรียสจริงจังด้วย เธอไม่แบ๊วอย่างภาพที่เห็นนะครับ (หัวเราะ)

“เราเคยเห็นเขาไม่สบายครั้งนึง น็อกไปเลยแบบแบตเตอรี่หมดฉับพลันยังไงยังงั้นเลย เรางี้ตกใจ พี่เขาชอบปวดหัว พอไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ไม่เอาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก อย่างอื่นไม่ห่วงอะไร พี่เขาจัดการกับชีวิตได้เป็นอย่างดี มีก็เรื่องสุขภาพ ทำงานน้อยๆ ลงนิด เที่ยวบ้างอะไรบ้าง นัดจะไปเที่ยวกันแม้กระทั่งต่างจังหวัดก็ยังไม่ได้ไป เพราะเขาห่วงงาน นัดแล้วเบี้ยวตลอด เที่ยวบ้างไรบ้าง ไม่เป็นไรเนอะ งานไม่หนีไปไหน” เขากล่าวอย่างห่วงใย