posttoday

สุขกับสิ่งรอบตัว

20 กันยายน 2558

ครั้งเมื่อได้ไปเที่ยวทะเลได้เห็นครอบครัวหนึ่ง มีคุณแม่กับลูกสาวคนโตและน้องชายคนเล็กอีกคน

โดย...ดำรงค์ พิณคุณ ภาพ เอเอฟพี

ครั้งเมื่อได้ไปเที่ยวทะเลได้เห็นครอบครัวหนึ่ง มีคุณแม่กับลูกสาวคนโตและน้องชายคนเล็กอีกคน

คุณแม่ปล่อยให้ลูกน้อยสองคนไปก่อปราสาททรายที่ชายหาด ขณะที่คุณแม่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ กับเด็กสองคน

พี่สาวคนโตชวนน้องแข่งก่อปราสาททราย หากใครสร้างได้สูงกว่า คนนั้นก็ชนะ

เด็กน้อยทั้งสองค่อยๆ เริ่มก่อปราสาททรายสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และดูเหมือนพี่สาวจะสร้างได้สูงกว่าจากความคล่องแคล่วที่มองเห็นได้ชัด

ทันใดนั้นเอง ระหว่างที่ทั้งสองคนสร้างปราสาททรายใกล้จะเสร็จ ปรากฏว่ามีคลื่นลูกใหญ่พัดเข้ามาที่ชายหาด พาน้ำทะเลมาใส่ภูเขาทรายทั้งสองลูก

พี่สาวคนโตร้องไห้วิ่งไปหาคุณแม่ และบอกกับคุณแม่ว่า... “คุณแม่...ทะเลแกล้งหนู... ต่อไปหนูจะไม่มาทะเลอีกแล้ว” เด็กน้อยพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจ

ส่วนน้องชายคนเล็ก เมื่อเห็นคลื่นซัดเข้าหาภูเขาทรายที่ตนเองสร้างใกล้เสร็จแล้ว ก็ตกใจแล้วก็กระโดดเหยียบภูเขาทรายที่ตนเองก่อขึ้นมา หมายว่าจะทำลายภูเขาทรายนั้นให้เร็วกว่าน้ำทะเลที่พัดเข้ามา

เมื่อกระโดดเหยียบสิ่งก่อสร้างที่ตนเองสร้างมาแล้ว พลันวิ่งมุ่งหน้าลงทะเล แล้วเล่นน้ำทะเลอย่างเมามัน พร้อมกับเสียงร้องตะโกนออกมา

อีกครั้งที่กำลังรอขึ้นเครื่องบิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

เมื่อเราผ่านความวุ่นวายของพิธีการต่างๆ ตั้งแต่การเช็กอิน ตรวจเอกสารพาสปอร์ต ตรวจกระเป๋า เอกซเรย์เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ก็มานั่งพักหน้าประตูทางออก

ระหว่างที่ความสงบในจิตใจเริ่มมากขึ้น การสังเกตพฤติกรรมรอบข้างก็มากขึ้นตาม

เมื่อใจเราเริ่มว่าง ไร้กิจกรรมเร่งด่วนอะไร ทำให้เราสามารถมองเห็นสภาพภายนอกได้ดีขึ้น

หนุ่มใหญ่วัยทำงานนั่งกดเครื่องคอมพิวเตอร์ หญิงสาววัยรุ่นกลุ่มใหญ่เดินช็อปปิ้งและคุยกันอย่างสนุกสนาน

เด็กน้อยเดินจูงมือแม่ที่กำลังเลือกซื้อน้ำหอมที่สนามบิน

หนุ่มวัยรุ่นเดินคุยโทรศัพท์

เด็กสาวแรกรุ่นอีกคนเดินฟังเพลงจาก i-pod แล้วทำปากร้องเพลงตามไปด้วย

หญิงวัยทำงานอีกคนกำลังคุยโทรศัพท์ไป และหงุดหงิดเสียงดังออกมาให้คนแถวนั้นตกใจไปตามๆ กัน

คนส่วนใหญ่มักจะอารมณ์ดี หรืออารมณ์ไม่ดี ที่เกิดจากสิ่งเร้าภายนอก หรือสิ่งกระตุ้นจากภายนอก

หากเมื่อเราเจอเจ้าหน้าที่พยายามจะรื้อกระเป๋าของเรา ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ บางคนก็โกรธ แต่บางคนก็ไม่โกรธไม่หงุดหงิด

เมื่อมีคนมาขับรถปาดหน้ารถของเรา บางคนที่โกรธ บางคนก็เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร

สำหรับวัยรุ่น บางคนก็มองหน้าไม่ได้ แค่มองหน้าก็คิดว่าหาเรื่องกันแล้ว บางครั้งถึงขั้นชกต่อยกันก็มี

วัยผู้ใหญ่บางคน กำลังตั้งท่าจะจอดรถ แต่พอรถอีกคันมาแย่งที่จอดรถ ก็ทำให้หงุดหงิด เปิดประตูรถลงไป แทบจะชกกันเพราะแย่งที่จอดรถก็มี

ผู้หญิงบางคนแย่งกันซื้อเสื้อผ้าลดราคาที่เหลือตัวสุดท้าย แบบแทบจะตบกัน ดึงแขนเสื้อราคาถูกกันคนละข้าง เพื่ออยากจะเป็นเจ้าของมัน

หากเรามีโอกาสได้อยู่กับจิตใจตนเองนานพอ

หากเราสามารถควบคุมความคิดของเรา พอที่จะมีสติได้อีกนิดหนึ่ง ทำให้เกิดความสงบได้นานขึ้น สิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนไหวรอบๆ ตัวนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมชาติของการอยู่ร่วมกันในสังคม

โดนขับรถปาดหน้า รออาหารนานเกิน 30 นาที สั่งอาหารอย่างหนึ่ง ได้อีกอย่างหนึ่งมา ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า แล้วไม่มีที่จอดรถ ขับรถออกจากบ้านแล้วเจอรถติดระหว่างทาง

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนทุกวัน

หากเราพยายามเข้าใจมันมากขึ้น และคิดว่า “มันเป็นธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน” บางครั้งเราก็โกรธได้ บางครั้งเราก็หงุดหงิดได้ แต่เมื่อโกรธแล้ว หงุดหงิดแล้วก็รีบหายไวๆ

เพราะเมื่อเรารู้สึกตัวอย่างมีสติ และหากเราหายโกรธได้เร็ว ความสุขของเราก็จะกลับมาเร็ว

ดั่งเด็กน้อยสองคนที่ก่อปราสาททรายที่ชายทะเล หากมัวแต่นั่งเสียใจ เหมือนพี่สาวคนโต ก็จะจมกับความเศร้าไปทั้งวัน

 หากทำตัวเหมือนน้องชายคนเล็กหัวเราะ และสนุกกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว

ความสุขก็จะอยู่กับเรานานเท่ากับเสียงหัวเราะของเราเอง