posttoday

มะเร็งเต้านม ภัยร้ายที่ผู้หญิงไทยต้องรู้

22 พฤศจิกายน 2559

มะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 1 ทั่วโลก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ

โดย...กันย์ ภาพ  คลังภาพโพสต์ทูเดย์

มะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 1 ทั่วโลก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่ามีผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 2 หมื่นคน/ปี หรือ 55 คน/วัน มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี ขณะที่ผู้หญิงอเมริกัน คาดการณ์ว่าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านมราว 40,450 คน ในปี 2015 ส่วนในปี 2016 พบผู้ป่วยหญิงอเมริกันรายใหม่ที่มีการแพร่เชื้อของมะเร็งเต้านมจำนวน 246,660 คน และที่ยังไม่มีการแพร่เชื้อมะเร็งประมาณ 6.1 หมื่นคน

แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่เราได้ยินมานาน จนเรียกได้ว่าเป็นโรคใกล้ตัวผู้หญิง ซึ่งปัจจุบันพบเป็นมะเร็งร้ายอันดับ 1 ที่พบในผู้หญิงทั่วโลก หากแต่ยังมีความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมที่เราควรรู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นข้อสงสัยที่ว่าขนาดเต้านมเล็กอาจมีโอกาสเสี่ยงน้อยกว่าเต้านมใหญ่ มีก้อนเนื้อแต่ไม่เจ็บไม่ใช่มะเร็ง หรือการทำรังสีจากเครื่องแมมโมแกรม ยิ่งทำยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม

นพ.สาธิต ศรีมันทยามาศ ศัลยแพทย์มะเร็งเต้านม โรงพยาบาลวัฒโนสถ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หากแต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่สัมพันธ์กับการเกิดโรค เช่น ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ปัจจัยทางพันธุกรรม โดยเฉพาะหากครอบครัวมีญาติสายตรง หรือมีญาติเคยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่ออายุน้อย ปัจจัยด้านฮอร์โมนเพศ คือเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุน้อยกว่า 12  ปี หรือประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 55 ปี ผู้หญิงที่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรคนแรกหลังอายุมากกว่า 30 ปี

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่กินยาฮอร์โมนทดแทนหลังวัยทองเป็นระยะเวลานานเกิน 5 ปี ปัจจัยทั้งหมดนี้ก็มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน รวมทั้งการดื่มสุรา การฉายรังสีบริเวณทรวงอก และการกินยาคุมกำเนิด ซึ่งพบว่าเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับโรคอยู่บ้าง แต่ไม่ชัดเจนมากนัก ระยะอาการของมะเร็งเต้านมและโอกาสรักษาให้หาย อาจเรียกว่าเป็นโรคร้ายที่แฝงมาอย่างเงียบๆ เพราะอาการเริ่มต้นของมะเร็งเต้านม ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้สึกเจ็บ จนกระทั่งก้อนเนื้อเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น เมื่อนั้นผู้ป่วยจึงจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

“มะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกจะเป็นก้อนเล็กๆ หรือเป็นเพียงแค่กลุ่มหินปูน ซึ่งไม่สามารถคลำได้ อีกทั้งมักไม่มีอาการเจ็บ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รู้สึกเจ็บอาจพบเพียงแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งบ่งบอกได้ว่าก้อนเนื้อมักมีขนาดใหญ่ จนเกิดการบดเบียด ดึงรั้ง หรือก้อนเนื้ออาจมีการอักเสบร่วมด้วย สำหรับคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาพบหมอ มักจะอยู่ในระยะที่คลำเจอก้อนแล้ว หรือบางรายอาจมีเต้านมผิดรูปหรือแผลที่เต้านม ซึ่งก้อนเนื้อหากมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 2 ซม. และไม่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ถือเป็นอาการในระยะที่ 1 แต่หากคลำเจอก้อนที่มีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม. หรือมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง มักเป็นอาการในระยะที่ 2 หรือ 3 แล้ว ซึ่งการตรวจเจอในระยะเริ่มต้น เช่น ในระยะ 0 หรือระยะที่ยังไม่มีการลุกลาม โอกาสที่ผู้ป่วยจะมีอัตราเวลาการรอดชีวิตเกิน 10 ปี สูงถึง 95-100%

การตรวจเช็กเต้านมด้วยตนเองควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปและตรวจเป็นประจำทุกเดือน และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ร่วมกับการตรวจทางรังสีด้วยเครื่องแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มต้น หรือระยะก่อนลุกลามเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตหรืออัตราการรักษาให้หาย ถ้าก้อนที่ตรวจพบจากแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ มีลักษณะที่บ่งบอกว่ามีโอกาสเป็นมะเร็ง จึงจะทำการเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจโดยใช้เข็ม ซึ่งเป็นการตรวจที่คนไข้ไม่ต้องเจ็บตัวมากและไม่ทำให้เนื้องอกมีการลุกลามหรือแพร่กระจาย

สำหรับการรักษาโรคมะเร็งเต้านมหลักๆ คือการผ่าตัดสำหรับมะเร็งระยะที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ซึ่งปัจจุบันสามารถผ่าตัดได้ทั้งแบบสงวนเต้าคือผ่าออกเฉพาะบางส่วนที่มีปัญหา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก และเพิ่มอัตราการรอดชีวิต

ความเข้าใจผิด

1.อาหารไขมันสูง ของมัน ของทอด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง อาหารไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมโดยตรง แต่อาหารบางอย่างจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม เช่น อาหารไขมันสูง เมื่อรับประทานมากๆ จะสะสมกลายเป็นไขมันในร่างกาย และเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมน เอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนเพศมีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ส่วนอาหารพวกเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านมด้วย นอกจากนี้การบริโภคพืชผักหรือไฟเบอร์จะช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ ทุกชนิด รวมทั้งมะเร็งเต้านมด้วย

2.การสวมชุดชั้นในขณะนอนหลับ เสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถยืนยันได้ถึงความเกี่ยวพันดังกล่าว การสวมชุดชั้นในขณะหลับจึงไม่ได้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด
3.หากไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม เราก็จะไม่เป็นมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะมะเร็งเต้านมมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมแค่ 10% และมะเร็งเต้านมในปัจจุบันเกิดขึ้นได้เองมากกว่าเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้นผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้

4.ผู้หญิงที่มีเต้านมเล็ก มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงเต้านมใหญ่

ข้อเท็จจริง ไม่เป็นความจริง ปัจจัยเรื่องขนาดไม่ได้มีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

5.ทำแมมโมแกรมบ่อยๆ เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่มีน้ำหนักเพียงพอยืนยันถึงความเชื่อ ดังกล่าว อีกทั้งรังสีที่ใช้ในการตรวจแมมโมแกรมมีปริมาณน้อยนิด รวมทั้งการตรวจเช็กแมมโมแกรมเพียงปีละครั้ง ก็ไม่ได้มีอันตรายหรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด