posttoday

อรวรร ปิยะกาโส เชฟเบเกอรี่คือสิ่งที่ใช่

14 กรกฎาคม 2560

หน่อย-อรวรร ปิยะกาโส เชฟเบเกอรี่ วัย 36 ปี ที่เคยทำงานอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อยู่หลายปี ปัจจุบันนี้เธอเลือกเป็นเชฟขนม

เรื่อง ภาดนุ

หน่อย-อรวรร ปิยะกาโส เชฟเบเกอรี่ วัย 36 ปี ที่เคยทำงานอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อยู่หลายปี ปัจจุบันนี้เธอเลือกเป็นเชฟขนม ซึ่งถือเป็นอาชีพที่ใช่กว่าสำหรับตัวเธอ แต่จะมีที่มาอย่างไรนั้น ไปฟังจากปากเธอกันเลย

"ที่จริงแล้วดิฉันเรียนจบมาทางด้านการเงินการธนาคาร และทำงานในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มา 10 กว่าปี โดยตำแหน่งสุดท้ายที่ทำ คือ ผู้จัดการฝ่ายขายบ้านจัดสรร แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เมื่อ 5 ปีที่แล้วโครงการ บ้านจัดสรรจึงขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร แถมไอเดียที่เราเสนอไปก็ไม่ค่อยได้รับการตอบรับ ดิฉันจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ประสบความสำเร็จทางด้านนี้ เพราะแม้จะขายโครงการได้ แต่รายได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ดิฉันจึงตัดสินใจลาออกจากงาน โดยตั้งใจจะทำธุรกิจของตัวเองสักอย่างนึง

ตอนแรกก็ตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโท แต่บังเอิญไปเจอคอร์สสอนทำอาหารที่มหาวิทยาลัย จึงคิดว่ามันน่าจะเติมเต็มความฝันให้กับตัวเองได้ ดิฉันจึงไปเรียนคอร์สทำเบเกอรี่เบื้องต้น อยู่ 1 เดือนจนจบ เพราะนึกย้อนไปถึงตอนเด็กๆ ที่อยากจะเรียนทำขนม แล้วไม่ได้เรียน กลับไปเลือกเรียนด้านการเงินแทน"

ด้วยความชอบทำขนมเป็นทุนเดิม แม้ทิ้งร้างไปนาน แต่พอได้ไปเรียนอีกครั้งจึงกระตุ้นให้ เธอเข้าใจในเรื่องการทำเบเกอรี่มากขึ้น บวกกับการหาความรู้จากโซเชียลมีเดีย แล้วนำมาทดลองทำดู ปรากฏว่าก็สามารถทำได้ เธอจึงตัดสินใจทำธุรกิจเบเกอรี่เล็กๆ แบบพอเพียงนับตั้งแต่นั้น

"ดิฉันเริ่มจากการลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ก่อน โดยทำเบเกอรี่โฮมเมดเป็นอันดับแรก แล้วนำไปให้คนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันชิม แค่ครั้งสองครั้งก็ได้รับฟีดแบ็กว่าควรจะทำขาย ดิฉันจึงเริ่มสำรวจตลาดจนพบว่าคนส่วนใหญ่ชอบกินเค้กถึง 60% ส่วนที่เหลือจะเป็นขนมปัง 35% และคุกกี้แค่ 5% เท่านั้น จึงได้คำตอบว่าเค้กน่าจะขายดีที่สุด จากนั้นจึงเริ่มด้วยการไปออกบูธขายขนมในงานแสดงสินค้าที่เมืองทองธานี ซึ่งมักจัดขึ้นเป็นช่วงๆ ตลอดทั้งปี พร้อมทั้งเริ่มหาลูกค้าจากในงานไปด้วย

หลังจากออกบูธตามที่ต่างๆ อยู่ 2 ปี ก็เริ่มได้ฐานลูกค้าและเริ่มรู้ทิศทางของตลาดมากขึ้น จึงลงทุนตั้งหน้าร้านขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า 'ล้านขนม' ซึ่งหมายความว่า มีขนมมากมายที่เราสามารถผลิตให้ลูกค้ากินได้เป็นล้านชนิด โดยตั้งอยู่ที่ซอยมังกร จ.สมุทรปราการ ใกล้กับตลาดและใกล้ทางเข้าหน้าหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่เกือบ 50 หมู่บ้าน ที่ลูกค้าสามารถมาซื้อได้บ่อยๆ

จุดเด่นของเค้กที่ร้านจะเป็นเค้กนมสดซะส่วนใหญ่ ซึ่งเนื้อครีมจะเป็นสไตล์เค้กครีมญี่ปุ่นที่เนื้อเบาๆ แบบโลว์แฟต ตอนนี้มีทั้งหมด 40 กว่ารสชาติด้วยกัน ตัวที่ขายดี ก็เช่น เค้กใบเตยมะพร้าวน้ำหอม เค้กสตรอเบอร์รี่ (ใช้สตรอเบอร์รี่จากเมืองนอก) เค้กช็อกโกแลตบราวนี่ เค้กบานอฟฟี่ และใบเตยฝอยทอง เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายทางธุรกิจให้เป็นเบเกอรี่ราคาส่ง ที่ขายชิ้นละ 25 บาท และปอนด์ละ 300 บาท (มี 12 ชิ้น) ลูกค้าสามารถนำไปขายต่อชิ้นละ 35 บาทได้สบายๆ เลยล่ะ"

อรวรร ปิยะกาโส เชฟเบเกอรี่คือสิ่งที่ใช่

หน่อย บอกว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งนักเรียน พนักงานออฟฟิศ คนทั่วไป คนในหมู่บ้าน เรียกว่ามีฐานลูกค้าที่แน่นพอสมควร นอกจากนี้เธอยังหากลุ่มลูกค้าหลักโดยเลือกมาตั้งร้านที่หน้าอาคารพาณิชย์ใกล้หมู่บ้านจัดสรรที่ใครผ่านไปมาก็ต้องแวะซื้ออยู่เสมอ

"ปัจจุบันดิฉันมีลูกน้องที่ช่วยผลิตเบเกอรี่ประมาณ 20 คน หลักการของดิฉัน ก็คือ จะต้องหาฐานลูกค้าเพิ่มให้ได้ซะก่อน ถึงจะผลิตเบเกอรี่เพิ่ม นอกจากหน้าร้านแล้ว เรายังมีช่องทางออนไลน์อย่าง FB : ล้านขนม ที่จะลงรูปขนมต่างๆ พร้อมทั้งช่องทางในการติดต่อ คือ ต้องยอมรับเลยว่า ปีที่ผ่านมาเฟซบุ๊กช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ เพราะมีกลุ่มลูกค้าไกลๆ ที่รู้จักเราผ่านเฟซบุ๊กสั่งขนมกันเข้ามาเยอะ โดยจะต้องสั่งล่วงหน้ามา 1 วัน ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะมารับขนมเอง แต่ถ้าให้เราไปส่งให้ถึงที่ เราก็ต้องขอเก็บค่าแท็กซี่เพิ่มตามระยะทางด้วยค่ะ

ล่าสุด นอกจากเค้ก 40 กว่าหน้าแล้ว ดิฉันยังทำขนมปังไส้ครีมสด ที่ตั้งชื่อว่า 'ขนมปังฮอกไกโด' ด้วย มีทั้งไส้คาสตาร์ด สังขยา และครีมชีส พอทำออกมาลูกค้าก็ตอบรับดี ส่วนอีกอันที่เพิ่งนำออกมาวางขาย ก็คือ 'เค้กโรลนมสด' ที่จะใช้ครีมนมสดเป็นส่วนประกอบ พอวางขายได้เดือนกว่าๆ กระแสตอบรับก็ดีเช่นกัน แต่ปีที่แล้วขนมที่ขายดีที่สุดจะเป็นขนมที่อินกับกระแสในช่วงนั้น นั่นคือ 'เครปเย็น' ซึ่งจะเป็นแผ่นเครปแผ่นเดียว สอดไส้ครีมข้างใน เช่น บานอฟฟี่ หรือกล้วยหอมครีมสด พอม้วนเสร็จก็มีการแต่งหน้า แล้วใส่กล่องขาย ซึ่งตัวนี้จะขายดีมากเมื่อปีที่แล้ว"

หน่อย เสริมว่า ด้วยความที่โซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊กเป็นสื่อออนไลน์ที่มีอิทธิพลสูงมาก เมื่อรู้ว่าขนมแบบไหนกำลังอยู่ในกระแส เธอก็จะนำมาปรับให้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ก็เป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี บางครั้งก็ ดูกระแสของขนมจากต่างประเทศแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ถ้าเธอสามารถทำได้ก็จะทำออกมาวางขายเลย เพื่อเป็นการเปิดช่องทางด้านการตลาดให้กับลูกค้าที่มารับขนมจากร้านเธอไปขายอีกที เช่น การไปออกบูธ ไปขายตามตลาด ตามร้านกาแฟ รวมทั้งผู้ค้ารายย่อยให้ขายขนมได้มากยิ่งขึ้น

"หลังจากทำธุรกิจขนมมาได้ 5 ปี ดิฉันค้นพบความสุขในการทำเบเกอรี่จากเสน่ห์ของมัน ซึ่งจะต้องผสมผสานวัตถุดิบอย่าง น้ำ นม แป้ง และครีมเข้าด้วยกัน จนออกมาเป็นเค้กหรือขนมแต่ละชนิดด้วยความตั้งใจ พอคนกินแล้วมีคำชมกลับมา ดิฉันก็ยิ่งรู้สึกแฮปปี้มากๆ รู้สึกว่าทำแล้วประสบความสำเร็จ เพราะขนมแต่ละชนิดนั้นเราตั้งใจใช้วัตถุดิบอย่างดีทุกอย่าง แต่ขายในราคาที่ไม่แพงเลย เด็กเล็กๆ และคนทุกระดับสามารถซื้อขนมเรากินได้ เท่านี้ก็รู้สึกดีที่สุดแล้วละค่ะ"