posttoday

โมไนย เย็นบุตร 12 ปี บทพิสูจน์คนข่าวตัวจริง

06 กรกฎาคม 2560

ผู้ประกาศข่าวหนุ่มไฟแรงที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนหน้าจอในฐานะผู้ประกาศหลักในรายการ Smart News

เรื่อง พุสดี

"ผมคิดภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกัน ถ้าวันนี้ผมไม่ทำงานสายนี้ แล้วผมจะไปทำอาชีพอะไร" คำตอบที่ทรงพลังนี้ถูกส่งผ่านน้ำเสียงที่ละมุนนุ่มลึกตามสไตล์ โม-โมไนย เย็นบุตร ผู้ประกาศข่าวหนุ่มไฟแรงที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนหน้าจอในฐานะผู้ประกาศหลักในรายการ Smart News ข่าวเช้าและพิธีกรฝีปากกล้า พร้อมท้าชนทุกประเด็นข่าวแห่งรายการ "คนชนข่าว" ทางช่องทรูฟอร์ยู เมื่อเจอคำถามวัดใจถึงความเป็นคนข่าวตัวจริง

แม้จะไม่ได้จบสายตรง ได้ชื่อว่าเป็นนกน้อยในไร่ส้มเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีฝันอยากเข้ามาโลดแล่นในวงการข่าว แต่บัณฑิตหนุ่มด้านเศรษฐศาสตร์จากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนนี้กลับมีหัวใจที่รักในงานข่าวไม่แพ้ใคร เขากล่าวด้วยแววตามุ่งมั่นว่า การเป็นนักสื่อสารมวลชน คือ อาชีพในฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาบอกตัวเองเสมอว่าต้องก้าวไปให้ถึง แม้เส้นทางของเขาจะไม่ใช่เส้นตรง ต้องเลี้ยวเลาะ แต่สุดท้ายกลับเป็นทางลัดที่ทำให้เขาไปถึงจุดหมายได้อย่างสง่างามเช่นกัน

"ที่ไม่เลือกเรียนวารสารฯ เพราะตอน ม.ปลาย คุณครูแนะแนวให้ทำควิซ ปรากฏว่าคะแนนของผม ก่ำกึ่งระหว่างสายข่าวกับเศรษฐศาสตร์ อาจเพราะเห็นว่าผมชอบตัวเลข อาจารย์เลยแนะนำให้ผมเอาดีทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย เพราะมองว่า ถ้าสามารถเอาสองศาสตร์ที่ชอบมารวมไว้ในอาชีพเดียวกันได้ก็น่าจะดี อย่างน้อยถ้าผมมีความรู้เรื่องตัวเลข ระบบเศรษฐกิจในอนาคตผมก็น่าจะทำข่าวเศรษฐกิจได้ดี ซึ่งสุดท้ายก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมสังเกตว่า ในสนามข่าวนักข่าวส่วนใหญ่ไม่ได้จบสายตรงมา แต่เป็นแบบผม คือมาสายเฉพาะทาง ซึ่งพอมาทำงานจริง ทำให้เราได้เปรียบเพราะเราเข้าใจระบบเศรษฐกิจ รู้ว่าจะสื่อสารกับคนดูอย่างไรให้เข้าใจง่าย ทำให้ข่าวเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องไกลตัวใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น"

ผู้ประกาศข่าวหนุ่มมาดเด็กเนิร์ส ยังยอมรับว่า อีกหนึ่งพลังสำคัญที่เป็นแรงผลักดันให้เขาหลงใหลในงานข่าว และช่วยเสริมรากฐานการเป็นตัวจริงในด้านข่าวให้คือ ครอบครัว "คุณพ่อคุณแม่ผมเปิดโทรทัศน์ให้ดูข่าวตั้งแต่เด็ก ดูจนติด เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต วันไหนไม่ได้ดูรู้สึกหงุดหงิด ดูไปเราก็อิน อยากรู้ว่าตอนจบของแต่ละข่าวจะเป็นอย่างไร บางครั้งก็ตั้งคำถามกับข่าวที่ดูว่า นโยบายนี้ดีจริงหรือ ทำไมนักการเมืองคนนี้ทำแบบนี้ (หัวเราะ) จนพอเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ผมก็ยังเป็นนะ ชอบตั้งคำถามกับอาจารย์ เพราะ เราคิดเสมอว่า การที่คนเราจะทำอะไรให้ประสบ ความสำเร็จ มันไม่น่าจะมีทางเดินทางเดียว น่าจะมีหลายๆ เส้นทาง แต่ว่าเส้นทางไหนจะดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไขหรือข้อจำกัดที่มีในเวลานั้น เราจึงตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ"

โมไนย เย็นบุตร 12 ปี บทพิสูจน์คนข่าวตัวจริง

ด้วยบุคลิกที่ดูสุขุม มีไฟในการเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เส้นทางการเข้าสู่สายงานข่าวของโมไนยมาเร็วกว่าที่คิด เพราะขณะที่ยังเรียนอยู่ชั้นปี 4 เขาก็ได้เป็นฟรีแลนซ์ทำหน้าที่หาข้อมูลเพื่อใช้ในการทำข่าวสายต่างๆ ให้กับนักข่าวรุ่นพี่ในบีอีซี เทโรแล้ว

"เส้นทางข่าวของผมใกล้เข้ามา เพราะผมผ่านการคัดเลือกในโครงการ Young Generation News ของบีอีซี เทโร เลยได้เข้าไปเป็นฟรีแลนซ์ จำได้ว่า วันที่รับเช็คเงินเดือนก้อนแรก 1 หมื่นบาท เป็นอะไรที่ดีใจมาก พอทำงานได้ปีครึ่ง ทางเนชั่นเปิดโครงการ สานฝันผู้ประกาศรุ่นที่ 1 ผมก็มาเข้าอบรม ผ่านไป 5 เดือนก็ได้ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจเต็มตัว"

โมไนย กล่าวอย่างถ่อมตัวว่า อาจด้วยใจรักด้านตัวเลขเป็นทุนเดิม และยังมีแพสชั่นในงานข่าว ทำให้ทุกวันทำงานมีแต่ความท้าทายและความสนุกสามารถสร้างผลงานที่เข้าตาเพียงแค่อายุ 24 ปี โมไนยก็ไต่เต้าขึ้นสู่การเป็นหัวข่าวสายเศรษฐกิจของเนชั่นทีวีได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตลอดร่วม 4 ปี เขายังคงมุ่งมั่นทำงานที่รักต่อไป จนวันหนึ่งชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

"ช่วงประมูลทีวีดิจิทัล ผมอยากออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ให้ชีวิต เริ่มอยากรู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนั้นมันดีพอหรือยัง ผมเลยตัดสินใจยื่นใบลาออก เพื่อไปเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ช่องไทยรัฐทีวีในฐานะ ผู้ประกาศข่าว แต่ยังไม่ทันได้ออกอากาศ ทางเนชั่นก็เรียกตัวกลับ คราวนี้ผมพลิกบทบาทมาเป็นผู้ประกาศข่าวเช้า และยังได้รับโอกาสให้เป็นพิธีกรรายการฮาร์ดทอล์กระดับตำนานของช่องอย่างรายการคมชัดลึก ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการเป็นผู้ประกาศข่าวแถวหน้าของเมืองไทยมาแล้วทั้งนั้น"

แน่นอนว่า การทำรายการฮาร์ดทอล์กที่ผังรายการอยู่ในช่วงไพรม์ไทม์ แถมยังเป็นรายการสด ต้องเล่นกับประเด็นข่าวที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ต้องอาศัยไหวพริบปฏิภาณและการตั้งคำถามที่ถึงลูกถึงคนเพื่อหาความจริง ถือเป็นโจทย์หินไม่น้อยที่ผู้ประกาศหนุ่มต้องสอบให้ผ่าน แม้จะยอมรับว่ากดดันในช่วงแรก แต่สุดท้ายด้วยใจที่มุ่งมั่น ทำให้โมไนยสอบผ่านฉลุย แถมยังได้ติดเกราะพัฒนาฝีมือในการทำงานข่าวขึ้นมาอีกขั้น

"จากเนชั่น ผมตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับช่องทรูฟอร์ยู ในฐานะผู้ประกาศข่าวและพิธีกรรายการใหม่แกะกล่อง อย่าง "คนชนข่าว" ซึ่งถือเป็นรายการฮาร์ดทอล์กรายการแรกของช่อง โดยรายการของเราจะหยิบเอาข่าวเด่นประเด็นร้อนมาเจาะให้ลึกที่สุดในมุมที่ผู้ชมอาจคาดไม่ถึง พร้อมเชิญแหล่งข่าวตัวจริงที่อยู่ในกระแสข่าว ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้มาร่วมวิเคราะห์มุมมองที่หลากหลายรอบด้าน พร้อมช่วยเหลือสังคม ด้วยการเป็น กระบอกเสียงให้กับผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเตือนภัยสังคม นำเสนอเรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์"

โมไนย เย็นบุตร 12 ปี บทพิสูจน์คนข่าวตัวจริง

ประสบการณ์ที่สั่งสมมานับตั้งแต่ก้าวแรกในถนนคนข่าว ทั้งการหาข้อมูลเพื่อต่อยอดประเด็นข่าว การลงพื้นที่จริง เพื่อรายงานทุกความจริงที่เกิดขึ้นผ่านสายตาตัวเอง บวกกับการเป็นพิธีกรและผู้ประกาศข่าวที่ต้องตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ ล้วนเป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นตัวจริงในสนามข่าวของโมไนยอย่างไม่ต้องสงสัย งานนี้หนุ่มตี๋เจ้าของบุคลิกสุขุม แต่มีอารมณ์ขัน บอกว่า พร้อมนำหมัดเด็ดที่มีทั้งหมดมาปล่อยในรายการแบบไม่มีกั๊ก รับรองว่าผู้ชมจะเต็มอิ่มกับการนำเสนอข่าวในมุมมองที่น่าสนใจ ครบครันด้วยสาระ ผ่านสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา นั่นคือเป็นลูกผสมระหว่างพิธีกรสายบุ้นและบู้ในคนเดียว ไม่เน้นดุดันจนแหล่งข่าวกดดัน แต่ก็พร้อมตะลุยเข้าถึงทุกประเด็นที่สงสัย

แม้จะดูเหมือนชีวิตทุกนาทีของโมไนยวิ่งไปตามกระแสข่าวแบบไม่มีวันหยุด แต่เมื่อถามถึงวันว่าง งานอดิเรกสุดโปรด โมไนยกลับคลี่ยิ้มอย่างผ่อนคลายก่อนเฉลยว่า เขาชอบกีฬาหลายอย่าง แต่ที่ยกให้เป็นที่หนึ่งคือ โบว์ลิ่ง เพราะเป็นกีฬาที่สรีระไม่ได้มีผลต่อการเล่น ขอแค่ใจและสมาธิก็พอ

"โบว์ลิ่งเป็นกีฬาที่ฝึกสมาธิมาก ฝึกให้เรารู้จักรอ เป็นกีฬาที่สอนเรื่องการใช้ชีวิตมากนะ เพราะจังหวะก่อนปล่อยลูก แค่ 1-2 นาทีก็มีผลต่อทั้งเกมได้ เหมือนกับการใช้ชีวิต แค่ก้าวผิดนิดเดียวก็มีผลกับทั้งชีวิต"

สำหรับเป้าหมายในอนาคต หนุ่มช่างคิดบอกว่า เพราะชอบเดินทางและพบปะผู้คน พิธีกรรายการท่องเที่ยวจึงเป็นอีกหนึ่งงานที่ใฝ่ฝัน แต่ถ้าฝันไปให้ไกลกว่านั้น คือ เขาอยากมีโอกาสได้ทดลองสวมบทบาทอาชีพต่างๆ ของคนในสังคม เพื่อให้เข้าใจหัวอกของคนทำงานในอาชีพต่างๆ แบบถึงแก่น

"ผมชอบเรียนรู้คน เวลาไปไหนผมจะสังเกตการแต่งตัวของคนรอบตัว แล้วคิดเล่นๆ ว่า เขาทำงานอะไร ผมว่าสนุกดี ส่วนงานในสายเศรษฐศาสตร์ถึงไม่ใช่อาชีพที่ผมเลือก แต่ผมนำมาใช้ในทุกวัน เพราะเศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานข่าว ซึ่งเราต้องบริหารเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละวัน

เช่นเดียวกับชีวิตส่วนตัว ผมเอาหลักเรื่องดุลยภาพ (ความพอดี) มาใช้กับความรัก หลักการง่ายๆ คือ ดุลยภาพจะเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์ (ความต้องการ) และอุปทาน (การจัดหาให้) มาเจอกัน เมื่อไหร่ที่ความรักของเรามีด้านใดด้านหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป หมายความว่าคนสองคนต้องปรับตัวเพื่อให้ความรักเกิดดุลยภาพให้ได้" ผู้ประกาศข่าวหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี n