posttoday

แชมป์บีบีกัน สู่นักบริหารศูนย์รวมเครื่องสำอาง

29 มิถุนายน 2560

หนุ่มหล่อวัย 36 ปี บอย-จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี อดีตแชมป์บีบีกันระดับประเทศสู่ธุรกิจศูนย์รวมเครื่องสำอางและสุขภาพครบวงจรกับงานบริหาร

โดย...วราภรณ์

หนุ่มหล่อวัย 36 ปี บอย-จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี อดีตแชมป์บีบีกันระดับประเทศสู่ธุรกิจศูนย์รวมเครื่องสำอางและสุขภาพครบวงจรกับงานบริหาร บริษัท บิวเทรียม (Beautrium Company limited) โดยพ่วงดีกรีปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบริหารทั่วไป มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และปริญญาโท สาขาเดียวกัน จาก Missori State University

สำหรับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงาม แม้เขาจะชื่นชอบกีฬาที่ออกแนวแอดเวนเจอร์ เช่น ฟุตบอล ฟิตเนส แต่การศึกษาตลาดความงามตลอด 6 ปี เขาพบว่าธุรกิจด้านความสวยความงามเป็นกระแสอันดับ 1 และเติบโตเร็วมาก เพราะทุกคนหันมาสนใจตัวเองและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น อีกทั้งด้วยกีฬาที่ต้องออกแดดกลางแจ้ง ซึ่งแสงแดดมักเป็นปัญหาต่อความงามและผิวหน้า เขากับน้องชายจึงสนใจจับมือการทำธุรกิจด้านความสวยความงามโดยตั้งบิวเทรียมขึ้น โดยแบ่งหน้าที่กันคือ ในระยะแรกน้องชายจะเป็นคนดูแลด้านการตลาดก่อน และเขาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องการบริหาร ก่อนที่จิรวุฒิจะเข้ามา
บริหารแบบเต็มตัว กับธุรกิจใหม่ด้านความงามดูแตกต่างจากสิ่งที่เขาเป็น จึงกลายเป็นงานที่ท้าทาย

“ประสบการณ์ในการบริหารที่ผ่านมา ผมคิดว่าพื้นฐานในการบริหารการตลาดไม่ต่างกันมากนัก สามารถนำมาปรับใช้ด้วยกันได้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม แต่ที่สำคัญคือการบริหารคนในองค์กรและการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ตรงจุด”

จากหนุ่มแอดเวนเจอร์ขาลุยสู่ธุรกิจด้านความสวยความงาม ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่ทำไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับความสวยความงามเลย แต่ก็ใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับธุรกิจใหม่ไม่นาน

“ตั้งแต่เด็กผมชอบเล่นกีฬาทั้งวิ่ง เตะฟุตบอล ว่ายน้ำ โตมาก็ยังชอบเล่นอยู่ แล้วทำไมธุรกิจที่ทำขัดกับไลฟ์สไตล์ จริงๆ ผมมองว่าไม่ว่าเครื่องสำอาง หรือธุรกิจอื่น ก็ใช้หลักบริหารเหมือนกัน แต่ละอุตสาหกรรมจะมีรายละเอียดที่ต่างกัน อย่างก่อนหน้านี้ผมเรียนจบ ก็ทำงานธุรกิจครอบครัวด้านทอผ้านิตติ้ง จากจุดนั้นผมได้เรียนวิธีการจัดการบริหารบุคคล การดีไซน์ทำแพตเทิร์นเครื่องทอผ้า ทำงานได้ 4 ปี ผมก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ ในคณะบริหารธุรกิจเน้นด้านโลจิสติกส์กับไฟแนนซ์ กลับมาก็ทำงานของครอบครัวอีก เพราะคุณพ่อร่วมหุ้นทำโรงงานผลิตเหล็กเส้นก็ได้ไปช่วยงานคุณพ่อ ผมทำทุกอย่าง เช่น ดูเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทำตั้งแต่การฟอร์มโรงงาน จนโรงงานเสร็จ ทุกอย่างลงตัวเรามีพนักงานเพียงพอ เลยขอมาทำอะไรแปลกใหม่ พอดีน้องชายทำบิวเทรียมได้ 4 ปี ผมเลยมาช่วยงานใหม่ได้ 9 เดือนแล้ว”

แชมป์บีบีกัน สู่นักบริหารศูนย์รวมเครื่องสำอาง

การเป็นผู้บริหาร จิรวุฒิ มีหน้าที่ดูเรื่องช่องทางการจำหน่าย การหาโลเกชั่นตามสถานที่ต่างๆ ที่มีผู้คนเยอะๆ ซึ่งโลเกชั่นการตั้งร้านเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจหรือเพิ่มยอดขาย รวมทั้งดูเรื่องการจัดส่งและเก็บสินค้า และดูเรื่องการเงินว่าต้องใช้เงินบริหารไปกับส่วนใดบ้าง

“แม้ผมไม่ได้คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจเครื่องสำอาง แต่ผมใช้วิธีเปิดโลกทัศน์ผ่านการศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมถึงได้คำแนะนำจากเพื่อนที่ทำธุรกิจในด้านนี้ ใช้เวลาในการศึกษาและปรับตัวไม่นาน เพราะสินค้าแต่ละประเภทไม่ต่างแตกกันเท่าไร จะมีเพียงค่ายที่ต่างกันเท่านั้นด้วยความหลากหลายของสินค้า จึงทำให้อยากก่อตั้งศูนย์รวม ที่ไม่ใช่มีแค่เฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แต่เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าความงามและสุขภาพจากทุกที่มาไว้ที่เดียวกัน โดยไม่จำกัดค่ายมีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหมื่นอย่างเคาน์เตอร์แบรนด์ชั้นนำ โดยเฉพาะสินค้าที่หายาก หาจากร้านอื่นไม่มี สามารถตอบโจทย์ตรงนั้นให้กับกลุ่มเป้าหมาย กลายเป็นบิวเทรี่ยมในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตเป็นทีรู้จักกว้างขวางมากในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ชื่นชอบในด้านความสวยความงามในปัจจุบัน”

ธุรกิจด้านเครื่องสำอาง มีการแข่งขันที่สูงมาก แต่จิรวุฒิก็มีวิธีตั้งรับ

“สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านของเรา เราไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเอง เรารับสินค้ามาจากคนอื่น ชื่อร้านของเรามาจากบิวตี้ บวกกับเอเทรียม เมื่อความงามบวกกับอาณาจักร หรือหนึ่งห้องของหัวใจ จึงรวมเป็นอาณาจักรเครื่องสำอาง หัวจรดเท้า เราเป็นเมกะสโตร์ บิวเทรียมเป็นที่อาณาจักรศูนย์ร่วมเครื่องสำอางทุกอย่าง บวกอาหารเสริม ซึ่ง 4 ปีที่แล้วอาหารเสริมไม่ได้รับความนิยมมาก แต่ปัจจุบันเทรนด์เรื่องสุขภาพกำลังมา การแข่งขันจึงค่อนข้างรุนแรง

จริงๆ ผมมองว่าการแข่งขันมีหลายประเภท เปรียบเทียบเหมือนกีฬาที่มีการแข่งหลายประเภท ธุรกิจความงามก็เช่นกัน เราต้องดึงดูดจริงๆ แม้ผมไม่อยากแข่งในวงการนี้ แต่เมื่อลงมาแล้วต่อยก็ต้องต่อยให้น็อกเอาต์ ธุรกิจความงามต้องเดินหน้าอย่างเดียว ไม่มีการมาตั้งการ์ดหรือถอยหลัง เพราะเป็นธุรกิจแฟชั่นที่เปลี่ยนเร็ว เราต้องจับเทรนด์ตลาดให้ได้ เราต้องทันกับนวัตกรรมด้านความงาม เพราะเครื่องสำอางมีหลากหลายยี่ห้อมาก เช่น เซเลบมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองเกือบทุกคน เพราะเป็นอะไรที่เข้าถึงง่าย

การทำธุรกิจนี้ต้นทุนไม่สูง แต่ High Margin อาจได้กำไรครึ่งๆ คนจึงมองว่าเข้ามาอยู่แล้วจะได้กำไรเยอะนะ แต่อย่าลืมการแข่งขันก็สูงนะ ในร้านเราน่าจะเกิน 50 แบรนด์ สำหรับลิปสติก นอกจากมีหน้าร้านเรามีขายสินค้าผ่อนออนไลน์ด้วย”

แม้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ แต่เน้นการให้บริการ มาร้านแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ถามอะไรพนักงานต้องตอบคำถามได้ การให้บริการก็เป็นสิ่งสำคัญ

แชมป์บีบีกัน สู่นักบริหารศูนย์รวมเครื่องสำอาง

“ถ้าลูกค้ามีปัญหาอะไรมา เราพร้อมที่จะช่วยแก้ไข หรือหากมีคอมเมนต์จากลูกค้าว่า พนักงานคนไหนให้บริการไม่ดี เราจะรีบแก้ไขและจะมีฟีดแบ็กตอบกลับไปให้ลูกค้าด้วย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า เราเห็นความสำคัญของเขา เรื่องของมายด์เซตเกี่ยวกับเซอร์วิสผมเน้นมากๆ เช่น การเลือกผู้จัดการร้านที่ผมคัดเลือกมา เขามีมายด์เซตเดียวกันกับเราหรือเปล่า เพราะเราไม่ได้เน้นยอดขาย พนักงานทุกคนต้องมีมายด์เซตในการบริการก่อนอย่างอื่นผมสอนได้

อีกทั้งตัวสินค้าก็สำคัญ สินค้าต้องหลากหลายมีมาจากทั่วโลก ระดับอินเตอร์หรือสินค้าโลเคิลเรามีเกือบหมด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเราคือผู้หญิง หลังๆ ผู้ชายก็ดูแลด้านความงามกันเยอะ เรียกว่า 90% เป็นหญิง อีก 10% เป็นผู้ชาย ผู้บริโภคเครื่องสำอางตอนนี้อายุเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นสินค้าในร้านเราจึงมีหลากหลายตอบสนองเด็กมัธยมไปจนถึงคนวัยทำงาน ผมอยากให้ลูกค้าโตมากับร้านเราตั้งแต่สาวยันโต ตอนนี้เราขยายไป 3 สาขา คือมีที่สยามสแควร์วัน ซีคอนฯ บางแค และจีทาวเวอร์ สี่แยกพระราม 9 การเจริญเติบโตเมื่อปี 2558 เราโต 300% ปีนี้เราคิดว่าน่าโตขึ้นอีก 100-200% เรียกว่าเราจับทางถูก ต่อไปเราตั้งใจจะลุกเต็มที่ และผลิตภัณฑ์เรามีมากกว่า 3 หมื่นไอเท็ม”

สำหรับหลักในการทำงาน การปกครองบริหารลูกน้อง จิรวุฒิเน้นหลักการใช้เหตุผลและการตัดสินใจอย่างเฉียบขาดและต้องมีเหตุผล

“ตอนนี้พนักงานขายเกือบ 100 คน ปัญหาในการบริหารลูกน้อง เช่น หากลูกน้องเล่นโทรศัพท์มือถือเวลาทำงาน หรือคุยเล่นกัน หากมีรายงานก็ต้องเรียกมาคุย ปกติผมสังเกตคนอยู่แล้ว ถ้าเห็นเองผมจะเรียกมาคุย ทำจริงไหม ทำไมทำแบบนั้น ผมจะให้เหตุผลการทำงานที่ดีคือ ควรทำอย่างไร มือถือใช้ได้แต่ต้องใช้ให้ถูกทาง ไม่ควรใช้ในเวลางานนะ คุยด้วยเหตุผล คุยสองครั้งหากยังไม่ฟัง ถึงจุดที่เข้ากันไม่ได้ อาจต้องแยกทางกัน แต่ก่อนแยกผมจะให้เหตุผลว่าที่แยกทางกันเพราะอะไร”

วิธีผ่อนคลายความเครียดของจิรวุฒิ เมื่ออายุ 26 ปีเขาเคยเป็นแชมป์บีบีกันในระดับประเทศ เวลาชนะเกมการแข่งขันถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง การเล่นกีฬายังทำให้เขารู้จักน้ำใจนักกีฬา และต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง เพราะขณะแข่งบีบีกันไม่มีอุปกรณ์ตัดสิน ต้องใช้ใจเมื่อคุณโดนยิงต้องออกไปจากการแข่งขัน

ค่าที่อยู่ในวงการเครื่องสำอาง จิรวุฒิ ก็ต้องดูดี ซึ่งเคล็ดลับดูแลความหล่อของเขาไม่มากแต่เขาเน้นความดูดีจากภายในสู่ภายนอกด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์

“จริงๆ ผมเน้นเรื่องการกินเป็นหลัก กินอะไรให้วิตามินสูงต้องศึกษา แต่ตอนเล่นกีฬาที่ต้องออกแดดจัดๆ ก็มีทาครีมกันแดดบ้าง แต่ผมเน้นกินล้วนๆ คือกินผัก กับเรื่องการนอนให้เพียงพอ แต่ละมื้อผมเน้นกินผักทุกอย่าง สลัดผักผมกินได้หมด ทุกมื้อและทุกวันผมต้องเน้นเมนูผัก เช่น อาหารเวียดนามอย่างมีผักผมกินผักหมดเลย แม้กินไม่ค่อยตรงเวลา เพราะบางทีติดประชุมยาว แต่ผมพยายามกินให้ครบทุกมื้อ เช้า กลางวัน และเย็น และพยายามไม่กินดึก”

สำหรับสเปกหญิงสาวที่จะได้ครอบครองหัวใจเขา ก็ขอให้เป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย เพราะเขาไม่ค่อยมีสเปก ขอให้มีรูปร่างที่สมส่วน พูดคุยกันแล้วรู้เรื่องและใส่ใจซึ่งกันและกันก็พอ

“ผมไม่มีสเปกตายตัว ไม่จำเป็นต้องแม่บ้านแม่เรือนหรือต้องทำอาหารเก่ง ขอแค่ให้ใส่ใจในตัวผมก็พอ เรื่องเสน่ห์ปลายจวัก สมัยนี้หาคนทำอาหารเป็น 100% ยากแล้ว เพราะเวลาว่างน้อย หมดไปกับการทำงาน ผมไม่ซีเรียสการไปรอให้ทำอาหารเสร็จก็หมดเวลาแล้ว ไปกินในร้านอาหารผมก็คิดว่าสะดวกดี หรือบางทีซื้อมาฝากก็โอเค ไม่จำเป็นต้องทำเอง ทำงานก็เหนื่อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักกีฬา แต่ขอลุยๆ นิดหนึ่ง ควรมีแนวคิดทัศนคติมองโลกคล้ายๆ กันด้วยครับ”