posttoday

กิตติพงษ์ สุขเคหา เถ้าแก่รุ่นใหม่ไฟแรง

15 พฤษภาคม 2560

ถ้าให้ระบุชื่อเถ้าแก่รุ่นใหม่ในเวลานี้ต้องมีชื่อ “แบงค์” กิตติพงษ์ สุขเคหา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสปี้คอร์น สตอรี่ เจ้าของธุรกิจขนมคริสปี้ คอร์น (Krispy Corn)

โดย...วรธาร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ถ้าให้ระบุชื่อเถ้าแก่รุ่นใหม่ในเวลานี้ต้องมีชื่อ “แบงค์” กิตติพงษ์ สุขเคหา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสปี้คอร์น สตอรี่ เจ้าของธุรกิจขนมคริสปี้ คอร์น (Krispy Corn) อย่างมิต้องสงสัย เพราะกว่าที่เขาจะมีวันนี้เป็นเจ้าของโรงงานขนมได้ ชีวิตเขาเคยสัมผัสมาครบทุกรสชาติ ทั้งความสุขที่ปรี่ล้น ความทุกข์ยากแสนสาหัส ความท้อแท้ ความเหน็ดเหนื่อย ความล้มลุกคลุกคลาน การถูกสบประมาท หนี้สินล้นเกินวัย และการคิดสั้น

ทว่า เขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่ถาโถมเข้าใส่เขาระลอกแล้วระลอกเล่าจนกลับมาผงาดอยู่บนเส้นทางธุรกิจขนมคริสปี้ คอร์นที่กำลังเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบัน ด้วยความมุ่งมั่นอดทน ความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และด้วยทัศนคติที่เป็นบวก บวกกับความกล้า ความสามารถ และวิสัยทัศน์ที่แหลมคมสมเป็นเถ้าแก่รุ่นใหม่

แปรคำดูถูกเป็นพลังพัฒนาตัวเอง

แบงค์จบการศึกษาปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ก่อนใกล้จะจบได้ฝึกงานที่รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ที่กรุงเทพฯ ทำให้ได้เผชิญกับโลกกว้างครั้งแรก แต่แล้ววันหนึ่งก็ถูกปรามาสจากผู้หญิงที่เขาพยายามเข้าไปจีบ ทว่าเขาได้คำปรามาสนั้นมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้บอกกับตัวเองว่าเขาจะรวยให้ได้

“หลังเลิกงานวันหนึ่งเจ้านายที่ฝึกงานพาไปผับ ได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งก็พยายามจีบแต่ถูกดูถูกให้กลับไปดูดนมแม่ เด็กแว้นอย่างน้อง (ผมเคยเป็นเด็กแว้นมาก่อน) ไปจีบสก๊อยที่คู่ควรดีกว่า พอได้ยินคำนี้สะอึกเลย วินาทีถัดมาผมบอกตัวเองว่าจะรวยให้ได้ไม่ให้ใครมาสบประมาทอีก หลังจากนั้นกลับไปเรียนต่อพร้อมตั้งเป้าหมายว่าใครจะจ้างทำงานต้องให้เงินเดือนขั้นต่ำ 2.5 หมื่นบาทเท่านั้นจึงจะทำ”

ทั้งๆ ที่เรียนไม่เก่งและเกรดในปีสุดท้ายแค่ 2.20 แต่กิตติพงษ์กล้าตั้งเป้าสูงขนาดนั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนไม่เก่งอย่างเขาที่สุดแล้วกลับไม่ต้องเดินหางานเหมือนคนอื่นๆ เมื่อเจ้านายเก่าที่ฝึกงานโทรหาให้ไปทำงานด้วย พร้อมให้เงินเดือนตามที่เขาตั้งไว้ที่ 2.5 หมื่นบาทอีกต่างหาก

“ผมทุ่มเททุกอย่างให้กับงาน ใครใช้อะไรทำหมด ผมถือว่างานพิสูจน์คน เราต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเกรดไม่ใช่เครื่องตัดสินคุณค่าคน เงินเดือนก็ไม่ใช่จุดที่จะมาวัดกันว่าใครเจ๋งกว่า ผลงานที่ทำให้ปรากฏจะพูดแทนเราเอง แค่ 8 เดือนก็ทำให้ผู้ใหญ่รถไฟฟ้าท่านหนึ่งออกปากชมว่าเด็กคนนี้อนาคตเป็นเจ้าของบริษัทแน่เลย เหมือนชี้โพรงให้กระรอกเลยกับคำว่าเจ้าของบริษัท”

กิตติพงษ์ สุขเคหา เถ้าแก่รุ่นใหม่ไฟแรง

ธุรกิจแรกรวยแต่ก็เจ๊ง

สองเดือนถัดมาแบงค์ได้ลาออกมาทำธุรกิจกล้องวงจรปิดขณะอายุ 23 ปีเป็นธุรกิจแรกในชีวิต แต่ด้วยประสบการณ์ที่น้อยและความประมาทในการใช้เงินที่หามาได้ รวมถึงการบริหารธุรกิจผิดพลาดทำให้มีหนี้ก้อนโตเกือบ 8 ล้านบาทจนเกือบคิดสั้น

“เงินทำธุรกิจได้จากพ่อ 1 ล้าน แต่ใช้หมดใน 3 เดือน ล้านที่ 2 กู้ธนาคาร แต่เปิดบริษัทไม่ถึง 3 เดือนน้ำท่วมกรุงเทพฯ แต่ไม่ท้อ ผมใช้คำของคุณตัน (ภาสกรนที) ที่ว่า จงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส หันมารับจ้างเขียนเว็บไซต์แทน ภายใน 4-6 เดือนสามารถปลดหนี้ได้ อีก 4 เดือนต่อมาออกรถสปอร์ต หลงในความรวย แล้วมันกลับมาเล่นงานผมตอนอายุ 25 ทุกอย่างพังครืนเพราะความประมาท พร้อมหนี้ 7 ล้านกว่า เหลือเงินในกระเป๋าแค่ 40 บาท”

หนทางตีบตันไม่รู้จะพึ่งใครจึงโทรหาพ่อแม่ แต่เสียงปลายสายตอบมาว่า พ่อแม่หมดเนื้อหมดตัวไม่มีอะไรจะช่วยได้อีกต่อไป จงสู้ชีวิตไปตามทางของตัวเอง หลังจากนั้นพ่อแม่ก็ไม่รับโทรศัพท์อีก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการคิดสั้น แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้เพราะได้รับข้อความจากเจ้าของโรงงานแอดด้า (Adda)

“ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว จะมีเด็กสักกี่คนที่จะทำได้ขนาดนี้ จงลุกขึ้นมา นี่คือคำเตือนสติที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุดจากเจ้าของโรงงาน Adda ที่ทำให้ผมมีสติเลิกคิดสั้น ผมกราบขอบคุณท่านมากที่ทำให้ผมมีวันนี้”

ก้าวสู่ธุรกิจขนมคอนเฟลกคริสปี้ คอร์น

กิตติพงษ์ กล่าวว่า ตอนนั้นเขาไม่มีเงินแม้จะซื้อข้าวกิน แต่โชคดีที่แฟนก่อนจะบอกเลิกได้ทำคอนเฟลกเคลือบคาราเมลทิ้งไว้ให้กินก่อนเดินทางไปเกาหลี ด้วยความหิวจึงกินไปครึ่งกระปุกใหญ่ก็เห็นว่าอร่อยเลยโทรไปถามแฟนว่าทำอย่างไร และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจคริสปี้ คอร์นในเวลาต่อมา

“ผมได้เงินลงทุนจากแม่แฟน 9 หมื่น ส่วนพ่อแม่พอรู้ว่าผมคิดสั้นก็ยอมรับโทรศัพท์และช่วยมาหมื่นกว่าบาท ผมใช้เงินจำนวนนี้ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ ก็คือทำขนมคริสปี้ คอร์นตั้งแต่นั้นมา โดยเอาเงินไปซื้อเตาอบ 1.8 หมื่นบาท ซื้อวัตถุดิบที่แม็คโคร และนำเงินสดที่ขายได้แต่ละวันไปซื้อซองฟอยล์และใช้เป็นค่าจ้างพนักงาน

กิตติพงษ์ สุขเคหา เถ้าแก่รุ่นใหม่ไฟแรง

ช่วงเดือนแรกที่วางขายมียอดขายราว 2 แสนบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่วันละ 100 ซอง ซึ่งไม่คิดว่าคริสปี้ คอร์นจะทำให้ผมประสบความสำเร็จได้ในเวลาแค่ 1 ปี 7 เดือน ยอดขายเติบโตรวดเร็ว เพราะผมขายผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นวิธีที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงานได้มากที่สุดและลงทุนที่น้อยสุด และไม่น่าเชื่อว่าจะมียอดขายสูงสุดเข้ามาถึงวันละประมาณ 10 กว่าล้านบาท”

จากนั้นเป็นต้นมาเขาสร้างธุรกิจคริสปี้ คอร์นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทโดยมีเป้าหมายในใจว่าวันหนึ่งจะต้องรวยให้ได้เป็นแรงผลักดัน แม้จะมีอุปสรรคใหญ่น้อยถาโถมเป็นระยะในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่เคยท้อถอยถึงขั้นวางมือ จนในที่สุดก็สามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจคริสปี้ คอร์นขึ้นมาผงาดที่ใครได้เห็นก้าวที่ก้าวเดินในเส้นทางธุรกิจของเขาแล้วจะต้องซูฮกให้อย่างแน่นอน

หลักการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ทุกวันนี้เขามีตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ ตัวสินค้าคริสปี้ คอร์นเองก็หลากหลาย โชว์ความโดดเด่นทั้งในเซเว่นฯ ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป

กิตติพงษ์ บอกว่า ถ้าหากใครมาดูถูกเราต่างๆ นานาก็ไม่ต้องไปตอบโต้อะไร แต่จงเปลี่ยนเอาแรงดูถูกนั้นมาเป็นแรงผลักดัน พัฒนาตัวเองแล้วทำให้เขาดู เดี๋ยวเขาก็เลิกดูถูกเราเอง

“อย่างที่บอกผมโดนผู้หญิงคนหนึ่งดูถูกตอนสมัยฝึกงาน วันนั้นผมบอกกับตัวเองเลยว่าผมต้องรวยให้ได้ จากนั้นผมหมั่นพัฒนาความรู้ตัวเอง พัฒนาการทำงาน ขยันทำงาน และหาลู่ทางจนประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนมในวันนี้ หรือแม้แต่ตอนผมทำขนมแล้วก็มีคนดูถูกว่าไอ้ขนมเด็กเล่น ของกิ๊กก๊อก แต่ผมก็ไม่สนใจตั้งหน้าทำมันขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็น” กิตติพงษ์ย้ำ