posttoday

ธุรกิจสตาร์ทอัพ ต้องมุ่งมั่นและจริงจัง ชนิสรา โททอง

12 มกราคม 2560

แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าของซีอีโอเด็กไทย 2 คน ที่สร้างธุรกิจแบบ “สตาร์ทอัพ”

โดย...วราภรณ์ ภาพ... วิศิษฐ์ แถมเงิน

แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าของซีอีโอเด็กไทย 2 คน ที่สร้างธุรกิจแบบ “สตาร์ทอัพ” ซึ่งสามารถฝ่าฟันอุปสรรคมา 5 ปี โดย 2 ปีหลัง นอกจากขายได้ดีในเมืองไทยแล้ว ยังมีตลาดในมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และอเมริกา ติดต่อให้นำสินค้าแบรนด์ Diamond Grains กราโนล่า อาหารเช้าเพื่อสุขภาพของเจ้าของธุรกิจสาวรุ่นใหม่ อูน-ชนิสรา โททอง วัย 24 ปี ที่ก่อร่างสร้างธุรกิจกับแฟนหนุ่มตั้งแต่เธออายุเพียง 19 ปีเท่านั้น การประสบความสำเร็จอาจมาจากเธอและแฟนหนุ่มวางรากฐานไว้เป็นอย่างดี โดยชนิสรามีหน้าที่ดูแลภาพรวมของธุรกิจ รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ ดูแลการตลาด และการสื่อสารกับลูกค้าด้วย

ชนิสราเล่าว่า เหตุที่สนใจทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเทรนด์คนไทยหันมารักษาสุขภาพด้วยการเลือกกินและเลือกออกกำลังกายกันมากขึ้น ซึ่งอาหารเพื่อสุขภาพที่สหรัฐอเมริกาได้รับความนิยมไปแล้ว สำหรับเมืองไทยเทรนด์สุขภาพก็น่าจะมา เธอและแฟนหนุ่มจึงคิดทำธุรกิจด้านอาหารขึ้นมาด้วยปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรคนก็ต้องกินและปัญหาของมนุษย์เราคือ มักไม่นิยมกินอาหารเช้าเพราะไม่มีเวลา ส่วนใหญ่ใช้เวลาหมดไปกับการเดินทาง เธอจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวแรก เป็นซีเรียลในถ้วยจำหน่ายราคาย่อมเยาไม่ถึง 30 บาทแต่คุณภาพคับถ้วย ด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใหม่มากๆ ทำให้เธอต้องใช้เวลาทำแผนการตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์นานถึง 2 ปี ขณะนี้พัฒนาเป็นออกผลิตภัณฑ์โจ๊กเป็นสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นตลาด

แนวคิดการอยากมีธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนที่ชอบทำงานหาเงินใช้เองตั้งแต่เด็กๆ และชอบใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ธุรกิจสตาร์ทอัพ ต้องมุ่งมั่นและจริงจัง ชนิสรา โททอง

“ตั้งแต่เรียนคณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อูนชอบขอไปฝึกงานในบริษัทที่ทำคอนเทนต์ด้านการตลาดผ่านออนไลน์ และทำให้กับบริษัทใหญ่ๆ ระดับประเทศ ทำให้อูนได้ประสบการณ์จนบริษัทจ้างเข้ามาทำงานขณะที่เรียนด้วยเงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท รู้สึกสนุกที่เราทำงานได้เงินตั้งแต่วัยรุ่น จึงเกิดแรงปรารถนาอยากหาเงินใช้เอง และอยากสร้างแบรนด์เองเพราะเราก็สร้างแบรนด์ให้คนอื่นมาเยอะ ประกอบกับแฟนเรียนจบปริญญาตรีด้านการตลาดที่ปักกิ่ง เขาเห็นเทรนด์ตลาดเรื่องสุขภาพมาเยอะ เราจึงคิดทำบ้าง”

จากการสังเกตพฤติกรรมของคนไทยไม่นิยมกินอาหารเช้า เพราะหากพูดถึงอาหารเช้าที่มีในท้องตลาดส่วนใหญ่มักมีรสชาติไม่อร่อย เธอจึงเฟ้นหาวัตถุดิบปรุงแต่งเองอยู่นานมากกว่าจะได้วัตถุดิบที่อร่อยทำแล้วเข้ากันให้รสชาติที่ดี แถมยังดีกับสุขภาพ กินแล้วได้มากกว่าความอร่อย

“เดิมอูนชอบทำขนม จึงรู้เรื่องวัตถุดิบดี รู้ว่าแหล่งน้ำผึ้งที่ดีควรเอามาจากไหน โดยเราเลือกวัตถุดิบเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด เช่น แครนเบอร์รี่ต้องมาจากมาเลเซีย อีกทั้งอูนรู้ว่ารสชาติแบบนี้คนกินแล้วจะรู้สึกอย่างไร อันนี้เปรี้ยวนำ บางอันหวานนำไปไม่ดี เอาวัตถุดิบมาประกอบกันแล้วปรุงจนได้รสชาติที่อร่อยถูกปาก”

การทำการตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นเรื่องที่ยากมาก ชนิสราบอก เพราะคนไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้วไม่นิยมกินอาหารเช้า ยิ่งอาหารที่กินแล้วเพิ่มแคลอรีจะไม่นิยมกินเลย เธอจึงต้องให้ความรู้กับคนใหม่ว่า อาหารเช้าสำคัญมากๆ อาหารเช้าแคลอรีน้อย แถมยังดีกับสุขภาพช่วยระบบขับถ่ายได้ดีก็ยังมีนะ

ธุรกิจสตาร์ทอัพ ต้องมุ่งมั่นและจริงจัง ชนิสรา โททอง

“จริงๆ แล้วอาหารเช้าสำคัญนะคะ เพราะกลางคืนเราอดอาหารทั้งคืน ดังนั้นตื่นมาตอนเช้าอาหารเช้าจึงสำคัญ ยิ่งเรากินอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารครบเมื่อกินแล้วร่างกายจะซึมซับได้ดี ทำให้ตลอดทั้งวันปริมาณน้ำตาลคงที่ก็ไม่รู้สึกโหย มื้อกลางวันก็กินน้อยหน่อย กลางคืนกินน้อยลงอีก สิ่งนี้คือข้อมูลที่คนไทยบางคนยังไม่รู้ ซึ่งการทำอะไรในระยะแรกจะยากเสมอ เพราะคนจะตั้งแง่ว่าดีจริงเหรอ เราจึงออกแบบให้อาหารเช้ากินง่าย ใส่ถ้วย เปิดฝาใส่นมก็กินได้เลย”

การวางขายผลิตภัณฑ์ระยะแรก เธอเลือกจำหน่ายผ่านออนไลน์ ประกอบกับใช้วิธีเซอร์เวย์ความคิดลูกค้าว่าอยากได้ผลิตภัณฑ์ชนิดไหน แล้วทำให้ตรงกับความต้องการของตลาด และยิ่งระยะแรกลงทุนไปกับโรงงาน ใช้เม็ดเงินค่อนข้างมาก เธอจึงเน้นผลิตตามออร์เดอร์ เพราะไม่มีเงินทุนที่จะกักตุนวัตถุดิบปริมาณมากๆ

“อูนทำการตลาดนาน 2 ปีกว่า ลูกค้าจะรู้จักสินค้า ระยะแรกคือมีออร์เดอร์เล็กๆ มาโดยเราส่งไปให้เขากิน เขาลองแล้วอร่อยก็แนะนำปากต่อปากเกือบ 100% ที่กลับมาเป็นลูกค้าเรา แม้เราจะล้มหลายรอบมาก แต่ในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จ เพราะเราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และทำตามความต้องการของลูกค้า เราทำในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ แฟนบอกว่าให้ตั้งโรงงานและซื้อเครื่องจักรเข้ามาเลย ซึ่งเงินลงทุนเยอะมาก อูนถามเขาว่า จะมั่นใจได้ไงว่าจะมีลูกค้า แต่เขาตอบอีกมุมว่าถ้าทำการตลาดได้ดีแล้ว เราไม่สามารถผลิตสินค้าได้ จะเกิดผลเสียมากมายตามมาซึ่งก็จริง”

พอเริ่มออกผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพไปได้ 1 ปี คนเริ่มถามหาผลิตภัณฑ์ใหม่ เธอจึงออกแบบโจ๊กธัญพืช ลูกค้าเอาน้ำใส่ถ้วยแล้วแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน พอตื่นตอนเช้าก็กินได้เลย เทกซ์เจอร์จะนุ่มๆ เหมาะกับคนวัยทำงาน เด็กและผู้สูงอายุ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่ชอบของหวาน

ธุรกิจสตาร์ทอัพ ต้องมุ่งมั่นและจริงจัง ชนิสรา โททอง

ผ่านมา 5 ปี ตลาดอาหารเช้ามีหลายเจ้าเข้ามาแชร์ตลาดบ้าง แต่อูนมองว่าเป็นเรื่องดี จะได้ทำให้ตลาดอาหารเช้าเป็นเรื่องน่าตื่นใจขึ้น

“ตอนนี้แบรนด์เราโตมากๆ คนรู้จักเยอะมาก และคนไทยเริ่มหันมากินอาหารเช้า แน่นอนคู่แข่งก็มากตามไปด้วย แต่อูนมองเป็นเรื่องดีเพราะทำให้ตลาดกว้างขึ้น แสดงว่าตลาดอาหารเช้าโตขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาส พร้อมกับมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตลอด แต่จุดหนึ่งที่แม้เราโตเราก็ไม่ลืมคือ คอยแก้ปัญหาให้ลูกค้า มีอะไรแนะนำเรามาเรารับฟัง เช่น อยากให้เราออกผลิตภัณฑ์อะไรหรือรสชาติอะไร บอกเราได้หมด อูนตั้งใจเสิร์ฟความต้องการให้ลูกค้าได้เรื่อยๆ ถือเป็นเพื่อนกับลูกค้าไปด้วย”

แม้ตลาดซีเรียลอาหารเช้าจะมีแบรนด์จากต่างประเทศด้วย แต่จุดหนึ่งที่อูนค้นพบ คือคนไทยชอบคำแนะนำ การอธิบายว่าวัตถุดิบนี้มีอะไร และดีอย่างไร จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภค สำหรับเป้าหมายการทำธุรกิจ ชนิสรามองว่าตอนนี้การทำแบรนด์ของเธอเลยจากจุดที่อยากขายได้เยอะๆ แล้ว และเธอมีเป้าหมายก้าวต่อๆ ไปคือ อยากเป็นแบรนด์อาหารเช้าที่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่เหมาะสมหรือไม่

“พอ 2 ปีหลังยอดขายเราไปได้ดีมาก แน่นอนพอสินค้าขายดีย่อมมีคนก๊อบปี้สินค้า แต่เราถือว่าตลาดอาหารเช้าเป็นเค้กก้อนที่ใหญ่มาก คนก็อยากกินเค้กชิ้นนี้ อูนคิดว่าไม่เป็นไร เพราะยิ่งมีคนสนใจตลาดอาหารเช้ายิ่งมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้เค้กเราก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการโกอินเตอร์นั้น มีหลายคนติดต่อมาให้เราไปวางจำหน่าย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา ติดต่อเข้ามาให้เรานำของไปขาย เราก็อยากไปนะคะ แต่กำลังการผลิตเรายังไม่ได้ เพราะเราเคยอยู่ในจุดที่รู้ว่าความไม่พร้อมแล้วทำเป็นอย่างไร สู้เราไปเมื่อพร้อมดีกว่า ไม่ต้องรีบร้อน เราไม่อยากได้เงินเร็ว แต่เราอยากได้ความมั่นคง เมื่อไหร่ที่เราพร้อมเราจะทำทันที ซึ่งเรามองไว้ว่ากลางปีนี้เราจะเดินหน้าส่งออกได้เต็มที่ พอธุรกิจที่เราสร้างด้วยกันมากับมือประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วก็ชื่นใจเพราะเราเริ่มกันแค่สองคน ตอนนี้เราดูแลพนักงานอีก 80 คน ถือเป็นการสร้างงานให้เขาได้ และภูมิใจมากขึ้นคือเราแก้ปัญหาอาหารเช้าให้ลูกค้าได้อีก และยิ่งรู้สึกดีที่มีลูกค้าบอกเข้ามาว่า เขาน้ำหนักลดได้และมีไลฟ์สไตล์ที่ดีได้เพราะเรา เรารู้สึกว่าเราตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้ และอูนก็ตั้งใจแก้ปัญหาให้ลูกค้าเรื่องสุขภาพต่อไป”

ธุรกิจสตาร์ทอัพ ต้องมุ่งมั่นและจริงจัง ชนิสรา โททอง

อย่างไรก็ดี หากน้องๆ รุ่นใหม่อยากทำธุรกิจสตาร์ทอัพแล้วไปได้รุ่งเช่นเดียวกับชนิสรา เธอมีคำแนะนำคือ

“ใครอยากมีธุรกิจต้องเริ่มจากมีความรักก่อน รักในสิ่งที่ทำ และต้องรักในอุปสรรคด้วย คือการเตรียมรับมือกับปัญหาที่ต้องเจอ จริงๆ อูนมองว่าปัญหาอุปสรรคเป็นเรื่องปกติ ทุกวันนี้เราก็ยังเจอปัญหาอยู่ เมื่อไหร่เราคิดว่าปัญหาทำให้เราคิดลบ เราก็จะยิ่งแย่ลงทันที ในทางกลับกันหากเราคิดว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติ มันจะไม่หนัก เราจะค่อยๆ แก้ไป ให้มองว่าปัญหาเป็นเรื่องสนุก แต่คนมักมองว่าเด็กรุ่นใหม่บางคนความอดทนต่ำ ดังนั้นเรายิ่งต้องมีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาที่ดี อย่ากลัวปัญหา อย่าคิดว่าฉันอยากทำธุรกิจแล้วรวยทันที แต่ลืมไปว่าต้องมีปัญหาที่ต้องแก้ไป ถ้าเราคำนึงนึกถึง พอเจอปัญหาจริงๆ เราจะแก้ได้ ไม่ท้อและไม่กลัว ”

ซึ่งแนวคิดที่ดีแบบนี้ ชนิสราได้มาจากการสั่งสอนของคุณแม่และคุณพ่อที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งก็เคยมีประสบการณ์ความแกร่งด้านการสร้างธุรกิจมาด้วยตัวเองเช่นกัน

 “พ่ออูนทำธุรกิจโดยเริ่มจากทำด้วยตัวเอง เห็นตัวอย่างจากพ่อ ซึ่งชอบทำงานมากๆ อูนน่าจะได้เลือดพ่อมา พ่อชอบทำงาน ขยันตื่นเช้า พ่อมองว่าการทำงานทุกวันเป็นเรื่องตื่นเต้น พ่อสอนว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีสิผิดปกติ พ่อบอกว่าเขารู้สึกสนุกทุกครั้งที่เขาได้แก้ปัญหา พ่อเป็นคนที่ชอบทำให้คนรอบข้างอารมณ์ดี และพ่อเป็นหัวหน้าทีมที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ลูกน้องได้ตลอด และเวลาทำอะไรสำเร็จทุกคนก็จะมีความสุขไปด้วยกัน อย่าง 2 ปีแรกธุรกิจอูนค่อนข้างมีปัญหาเยอะมาก แต่เราไม่กล้าปรึกษาพ่อกับแม่ เพราะไม่เคยคิดว่าเราจะทำไม่ได้ ถึงแม้จะผิดหวัง แต่เราจะมีความคิดให้กำลังใจตัวเองว่ามันต้องได้สิ เราลองแก้ปัญหาเองก่อน ก็คิดว่าหากวันนั้นบอกพ่อแม่ไปว่า เรามีปัญหานะ เขาอาจคิดว่าเราทำไม่ได้ใช่ไหม ยอมรับระยะแรกก็รู้สึกเครียดตอนทำการตลาดแล้วมันไม่โอเคใน 2-3 ปีแรก แต่เราก็มุ่งมั่น จริงๆ หากเรามีปัญหาเราสามารถคุยกับพ่อแม่ได้ อย่ากลัวไปเอง ซึ่งพ่ออูนสอนแบบพ่อสมัยใหม่ ลูกอยากทำอะไรทำ ลองเอง ถ้าผู้ใหญ่เห็นความมุ่งมั่น อย่างอูนหาเงินเองได้ตั้งแต่เด็ก แฟนก็เล่นหุ้นได้ตั้งแต่เด็ก เราทำงานกันมาก่อน เรารู้ว่าคุณค่าของเงินเป็นยังไง ตอนที่ขอเงินทุนพ่อก้อนแรกพ่อก็ให้นะคะ แต่ก่อนให้เราต้องเขียนแผนธุรกิจให้ท่านดูก่อน ให้คิดว่าถ้าเราใช้เงินทุนเยอะๆ เราต้องทำแบบผู้ใหญ่ ทำให้เขาเห็น แล้วพ่อแม่จะสนับสนุนแต่เราต้องมุ่งมั่นและลงมือทำอย่างจริงจังด้วยนะคะ”