posttoday

ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลลิดา ทองหล่อ

13 มกราคม 2559

จะมีใครสักกี่คนที่สามารถทำตามความฝันด้านอาชีพ ดังเช่น เดียร์-ลลิดา ทองหล่อ วัย 29 ปี

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

จะมีใครสักกี่คนที่สามารถทำตามความฝันด้านอาชีพ ดังเช่น เดียร์-ลลิดา ทองหล่อ วัย 29 ปี ผู้ประกาศข่าวรายการห้องข่าวบันเทิง ทางช่องเวิร์คพอยท์ อดีตแอร์โฮสเตสสาวแห่งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งเราอาจคุ้นหน้าเธอกับงานแสดง “คลับฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์ 6 ตอน ผิดที่...รักเกินไป” ไม่นับรวมการเป็นนางแบบที่มีหุ่นสูงถึง 170 เซนติเมตร ซึ่งเธอได้ทั้งรูปร่างที่สูงโปร่ง และผิวน้ำผึ้งสวยรวมใบหน้าหวาน เพราะได้ดีเอ็นเอถ่ายทอดความงามมาจากผู้เป็นแม่ อดีตรองนางสาวไทยชื่อดัง ศศิมาภรณ์ ไชยโกมล ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง

ล่าสุด ลลิดาได้รับการเสนอชื่อเป็น 1 ใน 12 ผู้หญิงจากสาขาอาชีพต่างๆ ที่มีความเก่งสมาร์ทและมีการใช้ชีวิตที่หลากหลายเข้าชิงรางวัลผู้หญิงเก่ง ที่จัดโดยนิตยสารคลีโอ สิ่งเหล่านี้การันตีได้ว่าลลิดาเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่เธอยังมีไหวพริบดี มีความอดทนและรู้จักผลักดันเติมเต็มชีวิตตนเอง ที่แม้ไม่ได้เติบโตมาในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ แต่ก็มีหน้าที่การงานที่ดีได้

ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลลิดา ทองหล่อ

ลลิดา เล่าว่า จากอาชีพแอร์โฮสเตสเธอผันตัวเองมาเป็นผู้ประกาศข่าวได้เนื่องจากเธอมีทักษะเคยฝึกพูดตั้งแต่เป็นหนึ่งในเคกรุ๊ป อี-เกิร์ล ของธนาคารกสิกรไทยรุ่น 4 ทำให้เธอได้ฝึกพูดเป็นผู้ประกาศข่าวด้านการเงิน ซึ่งเธอก็ทำได้ดี ย้อนดูผลการเรียนวิชาการการพูดเพื่อการสื่อสาร เธอก็ทำคะแนนได้ดีมาโดยตลอด

“เดียร์ว่าการพูดเป็นเรื่องสนุกตรงที่เวลาเราพูดแล้วคนฟังหัวเราะ ซึ่งเพื่อนก็บอกว่า เวลาเขาคุยกับเราเขาได้หัวเราะเพราะเราเป็นคนตลกเล็กๆ  ซึ่งตรงกับความคิดเดียร์คือ อยากพูดให้คนได้รู้สึกสบายใจ ได้หัวเราะ ซึ่งเดียร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าเราดูมีเสน่ห์เมื่อพูด พอเดียร์มีปัญหาด้านสุขภาพคือไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งตอนนี้รักษาเกือบหายแล้วตอนเป็นแอร์โฮสเตส ก็เลยอยากลองทำงานอื่นๆ นอกจากเป็นนางแบบ หรืองานถ่ายโฆษณา ก็เลยถามเพื่อนๆ ที่เป็นผู้ประกาศซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งที่เดียร์อยากทำ เพื่อนบอกว่าที่เวิร์คพอยท์รับสมัครผู้ประกาศข่าว เดียร์จึงลองมาสมัคร แล้วก็ได้ค่ะ”

ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลลิดา ทองหล่อ

 

ก่อนหน้านี้ ทั้งงานพิธีกรและผู้ประกาศข่าวเป็นงานที่สาวเดียร์เคยชิมลางมาแล้วทั้งสองงาน ความแตกต่างคือ งานพิธีกรจะดึงความสดใสของตัวบุคคลออกมาได้มากกว่าการเป็นผู้ประกาศข่าว ที่ต้องดูน่าเชื่อถือ จริงใจ

“เดียร์ได้อ่านทั้งข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งข่าวเศรษฐกิจเดียร์พอมีคลังคำศัพท์อยู่ในหัวบ้าง เพราะเคยรับงานของกสิกรไทย เช่น ข่าวผู้ถือหุ้น การเงินการธนาคาร ซึ่งการพูดที่ดีคือ ต้องพูดแล้วเข้าใจง่ายมากขึ้น ผู้ประกาศข่าวต้องทำหน้าที่ย่อยข่าวแล้วถ่ายทอดให้คนฟังเข้าใจง่าย

ตอนมาทดสอบเป็นผู้ประกาศข่าว ทีมงานยื่นสคริปต์ให้เดียร์อ่านทั้งข่าวภูมิภาค เศรษฐกิจ ซึ่งหากไม่ได้ฝึกมาเลยก็จะไม่ไหลลื่น สำหรับเดียร์มีแค่คลังศัพท์การเงิน พอเจอข่าวภูมิภาคยอมรับเรางงนิดๆ แต่โชคดีมีทักษะการพูด ซึ่งเทคนิคคือ เราต้องมีข้อมูลในหัวเพื่อดึงมาใช้ได้ทัน ซึ่งความรู้ด้านการเมืองเดียร์มีน้อย ตอนออดิชั่นเดียร์จึงดึงออกมาไม่ได้ แต่เราใช้ข้อมูลด้านอื่นมาผสมผสานกัน พอเริ่มทำงานเรื่อยๆ ก็ควรอ่านหนังสือพิมพ์ให้ครบทุกด้านเพื่อเตรียมพร้อมตัวเองตลอดเวลา”

ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลลิดา ทองหล่อ

 

และแล้วผู้ใหญ่ก็หยิบยื่นโอกาสให้เธออ่านข่าวบันเทิง ซึ่งอาจเห็นแววว่า เธอน่าจะพูดข่าวบันเทิงได้น่าสนใจได้ เพราะมีทั้งความสดใส สดชื่น พูดจาน่าฟังอยู่ในตัว

“จากผู้ประกาศข่าวมาอ่านข่าวห้องข่าวบันเทิง ซึ่งตอนเดียร์ไปทำฟีดแบ็กก็ดีนะคะ ทำให้เรารู้ศักยภาพตัวเองว่าลุคนี้เราก็ได้นะ เพราะเดียร์ไม่ได้บันเทิงแบบจิกกัด ไม่แซ่บมากจนเกินไป แต่เรามีทีมงานที่รู้ลึกรู้จริง แต่เราไม่จี้จุด เราเน้นเล่าข่าวสนุกสนานเป็นจุดเด่น เดียร์อ่านข่าวบันเทิงทุกวันพุธกับพฤหัสบดีเวลาสองทุ่มสิบห้านาที

ข่าวบันเทิงตัวเนื้อข่าวไม่ยาก แต่จะมีความยากตรงทำอย่างไรให้การนำเสนอดูน่าสนใจ ดูสดใสร่าเริงเหมือนกับตัวเดียร์ คนดูแล้วสบายใจ อยากดูต่อไป เราพูดเล่นได้ แต่ให้ดูสดใสหน้ากล้อง ซึ่งต้องใช้เวลา เดียร์ทำมาปีหนึ่งแล้วผลตอบรับก็ดี”

แม้จะมีต้นแบบคือ พัชรศรี เบญจมาศ แต่ลลิดาบอกว่า ดูสไตล์รุ่นพี่ๆ ได้ แต่อย่าก๊อบปี้ ให้รักษาความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งผู้หญิงทุกคนดูมีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเองอยู่แล้ว

ผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลลิดา ทองหล่อ

 

“เดียร์อยากเป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิงที่ยังรักษาลุคของผู้ประกาศข่าวที่น่าเชื่อถือเอาไว้ ถ้าในอนาคตเปลี่ยนมาอ่านข่าวการเมืองก็ดูน่าเชื่อถือได้”

ในฐานะเป็นทายาทของนักแสดงและรองนางสาวไทย แม้ลลิดาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณแม่เลย ด้วยเหตุผลด้านงานในวงการบันเทิงของคุณแม่ที่่กำลังไปได้รุ่งในยุคนั้น แต่เธอได้รับความรักและการเลี้ยงดูที่ดีจากญาติทางฝ่ายคุณพ่อ ซึ่งช่วยเติมเต็มความรู้สึกขาดของเธอได้มาก

“เดียร์ไม่เคยอยู่กับคุณแม่เลยตั้งแต่เกิด แต่ได้มาเจอคุณแม่อีกครั้งตอนท่านป่วย เราได้คุยได้ปรับทัศนคติ เราได้ถามแม่ว่าทำไมแม่ไม่เลี้ยงหนู เรารู้สึกน้อยใจ ไม่เข้าใจ แต่จริงๆ แล้วคุณแม่คือไอดอลของเราตั้งแต่เด็ก เดียร์ได้ลองใส่มงกุฎของคุณแม่และรู้สึกว่าคุณแม่สวยจัง คุณแม่ก็บอกถึงความจำเป็นว่าทำไมท่านดูแลเราไม่ได้ ซึ่งเดียร์ก็เข้าใจแล้ว และอยากบอกน้องๆ ที่รู้สึกครอบครัวขาดว่า ควรนำความอึดอัดคับข้องใจมาเป็นแรงผลักดันให้ทำในสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ก้าวไปในสิ่งที่ดี อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าประชดชีวิต เราต้องคิดดีทำดี เพราะครอบครัวเราไม่สมบูรณ์แล้ว เราก็ต้องทำชีวิตเราให้ดี เราต้องเข้มแข็ง อดทน สร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง”