posttoday

สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ทำงานให้มีความสุข จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

13 ตุลาคม 2558

ฝ่าสายฝนมาให้สัมภาษณ์ ชายหนุ่มหน้าใสท่าทางใจดียิ้มแย้มในวัย 29 ปี

โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

ฝ่าสายฝนมาให้สัมภาษณ์ ชายหนุ่มหน้าใสท่าทางใจดียิ้มแย้มในวัย 29 ปี จอน-สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของร้านเพชรเดอร์มอนด์ (Der Mond) ที่เพิ่งกลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัวเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เขารับผิดชอบทางด้าน Marketing Manager และ Head Designer

สิรพัฐ จบปริญญาตรีที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านออกแบบอุตสาหกรรม ทำงานด้านกราฟฟิกดีไซน์อยู่สักพัก ก่อนไปเรียนจบปริญญาโท ด้าน Marketing Management ที่ Aston University เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร จากนั้นก็ไปทำงานด้านการตลาดอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่จะมาช่วยธุรกิจร้านเพชรของครอบครัว เพื่อที่จะได้ไปลองหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้าง เขาสร้างระบบการทำงานแบบไหน เพื่อที่จะได้นำมาปรับใช้กับการทำงานในกิจการของครอบครัวที่มีอยู่ 3 สาขา และมีแบรนด์ลูกอยู่อีก 3 แบรนด์ ที่ก่อตั้งขึ้นมาในรุ่นของเขาซึ่งเป็นรุ่นที่ 2

เขาเล่าว่า ตอนนี้มีเขากับพี่สาวที่เข้ามาช่วยธุรกิจของที่บ้านเต็มตัว โดยเขารับผิดชอบด้านการออกแบบและการผลิต ขณะที่พี่สาวจะดูเรื่องวัตถุดิบและการตลาด โดยส่วนตัวเขานั้นเพิ่งเข้ามาอย่างเต็มตัวได้ประมาณ 3 ปีกว่า เขาว่าธุรกิจนี้ก็มีความท้าทายและการแข่งขันสูงมาก ทั้งแบรนด์ไทยด้วยกันเอง “นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์จิวเวลรี่จากต่างประเทศที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยที่มีเข้ามาเรื่อยๆ อีกหลายแบรนด์ เราก็ต้องปรับตัวตามเพื่อให้ทันกับการแข่งขันที่รุนแรงเข้มข้นขึ้นตลอดเวลา”

สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ทำงานให้มีความสุข จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

ขยายตลาดให้ครอบคลุม

สิรพัฐ กล่าวว่า แบรนด์เดอร์มอนด์ เปิดมานานถึง 23 ปี โดยคุณพ่อคุณแม่ของเขาสร้างขึ้นมาเพื่อจับตลาดกลุ่มเอขึ้นไป มาในยุคของเขาจึงขยายตลาดเพิ่มในกลุ่มตลาดระดับซีบวก เน้นตลาดกลุ่มคนทำงานชั้นกลาง สินค้ามีขนาดเล็กลง มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น ชื่อแบรนด์เรเวรอฟ (Reverof) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นบาทขึ้นไป จนถึงหลักแสน ซึ่งเปิดมาได้เกือบ 2 ปี

“เราอยากขยายตลาดให้กว้างขึ้น มาในกลุ่มคนทำงานที่สามารถใช้เพชรในชีวิตประจำวัน ใส่ไปทำงาน ใส่เดินเล่นวันหยุด ใส่เพชรกับกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตได้ เพชรเป็นเพื่อนที่ทำให้ผู้หญิงดูดีขึ้น ด้วยการออกแบบที่ดูทันสมัยเรียบแต่โก้ ไม่ดูเยอะ หรือว่าโดดเด่นมากเกินไป เป็นเพชรเม็ดเล็กขนาด 10 สตางค์ ออกแบบเก๋สำหรับคนอายุ 25-35 ปี เป็นเพชรเคาน์เตอร์ที่ขายในโซนเครื่องประดับตามห้างสรรพสินค้า”

นอกจากนั้น เขายังเปิดแบรนด์น้องใหม่ เน้นหินกับเงินมาร้อยสลับกันราคาหลักพัน จับกลุ่มวัยรุ่นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีช็อปที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ชื่อแบรนด์ เดียมันเต (Diamante) ซึ่งเพิ่งเปิดมาเมื่อปลายปีที่แล้ว รับกระแสความชื่นชอบของหินสีแต่จะไม่เน้นหินเม็ดใหญ่มากนัก จะเป็นหินเม็ดเล็กร้อยสลับกับเม็ดเงินที่ออกแบบเป็นรูปต่างๆ สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันทั้งชายและหญิง สีสันเน้นโทนเรียบๆ คลาสสิก

สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ทำงานให้มีความสุข จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

ตั้งเป้าโกอินเตอร์

เขา บอกว่า สำหรับอนาคตอันใกล้ภายใน 2 ปีนี้ เขาตั้งเป้าที่จะปั้นแบรนด์หลักอย่างเดอร์มอนด์ ให้เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ของไทยที่แข็งแรง และสามารถขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศได้ เช่น มีช็อปเพิ่มที่ประเทศในแถบตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น ยุโรปบางประเทศ ซึ่งตั้งเป้าว่าปีนี้จะไปเปิดตลาดที่ประเทศญี่ปุ่นให้ได้

ปี 2015 แบรนด์เดอร์มอนด์ ได้ร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่น เพื่อนำสินค้าไปทำการตลาดที่ญี่ปุ่น นับเป็นแบรนด์เครื่องประดับเพชรแท้จากประเทศไทยแบรนด์แรก ที่ได้เข้าไปเริ่มทำการตลาดในประเทศญี่ปุ่น เพราะเขามีความมั่นใจทั้งเรื่องคุณภาพและราคา ด้วยโอกาสในการคัดเลือกเพชรจากหลายๆ แหล่งทำให้เดอร์มอนด์ได้ค้นพบว่าสามารถคัดเพชรได้สวยกว่าที่ระบุในใบรับประกัน ทั้งสีน้ำ เหลี่ยมการเจียระไน รวมทั้งประกายไฟ ซึ่งเดอร์มอนด์ได้สร้างแบรนด์เพชรพาวเวอร์ ออฟ เลิฟ (Power of Love) ขึ้น เพื่อให้เป็นเพชรที่มีประกายไฟที่บริสุทธิ์และสวยที่สุด

“เรามั่นใจในคุณภาพและฝีมือของช่างไทย ที่มีทักษะในงานจิวเวลรี่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ทั้งเรื่องการเผา การเจียระไนพลอย แม้กระทั่งฝีมือในการสร้างสรรค์งานให้มีความละเอียดอ่อนช้อย โดยเฉพาะงานสาน งานถักทอนี่ ช่างไทยขึ้นชื่อมาก แม้กระทั่งงานที่ทันสมัย งานสไตล์อาร์ต เดคโค ช่างไทยก็เยี่ยมยอด เราจึงต้องการสร้างแบรนด์หลักเราให้เติบโตแข็งแรงเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศบ้าง อยากให้โกอินเตอร์ (หัวเราะ) ส่วนแบรนด์ลูกก็ให้เติบโตอยู่กับตลาดในประเทศก็เพียงพอแล้ว”

สิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ ทำงานให้มีความสุข จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

สนุกกับการทำงาน

สิรพัฐ กล่าวว่า หลังจากที่ทำงานมาอย่างจริงจังตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้ เขาว่าสิ่งที่สำคัญคือต้องมีความสุขกับการทำงาน รักในงานที่ทำ คุณถึงจะออกไปทำงานทุกวันได้ด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ แล้วคนที่ทำงานกับเราก็จะมีความสุข หากไปทำงานด้วยการฝืนใจผลลัพธ์ออกมาก็ไม่ดีกับใครทั้งสิ้น ทำใจให้ร่มรื่น มองอะไรในแง่บวกเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดี

นโยบายการทำงานที่เขายึดถือ ก็คือคุณภาพเพชรถือเป็นสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของเดอร์มอนด์เสมอมา เพชรทุกเม็ดไม่ว่าจะเป็นเพชรที่มีขนาดเล็กกว่า 0.01 กะรัต หรือเพชรที่มีใบรับประกันจาก GIA, HRD แล้วก็ยังต้องผ่านการตรวจสอบจากเดอร์มอนด์แล็บ ที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยและควบคุมโดยนักอัญมณีศาสตร์จากสถาบัน GIA ด้วย

“เพื่อให้มั่นใจว่าอัญมณีที่อยู่บนเครื่องประดับของเราจะเป็นอัญมณีที่งดงามที่สุด ด้วยเหตุนี้จิวเวลรี่กว่า 80% ของเดอร์มอนด์ จึงเลือกใช้เพชร Internally Flawless ที่ผ่านการคัดเลือกแล้วทุกเม็ด เพื่อให้ผลงานของเราเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริง เซตจิวเวอรี่ของเดอร์มอนด์ เพรสทีจ ที่เปรียบเสมือนงานศิลปะ เป็นผลงาน Masterpiece ที่ทำขึ้นมาเพียงชิ้นเดียว มีรูปแบบดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ด้วยแรงบันดาลใจในการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีงานซ้ำที่จะใส่ไปชนกับใครอย่างแน่นอน

คนที่มาซื้อเพชร แน่นอนว่าเขาต้องมีความชอบก่อน มีความสุขจากการได้สวมใส่ ได้ชื่นชมการออกแบบที่สวยงาม บ่งบอกบุคลิกของเขา สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมา ก็คือการซื้อเครื่องเพชรนั้นถือเป็นการลงทุนเพื่อสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่ง ถ้าซื้อของดีของชิ้นใหญ่ราคามักไม่ตก สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าซื้อกับร้านใหญ่มีใบรับรองยิ่งดีเพราะเป็นที่เชื่อถือได้ เก็บไว้เป็นสมบัติให้ลูกหลานต่อไปได้”