posttoday

หุ้นไทย3เม.ย.ปิดบวก5.75จุด

03 เมษายน 2560

หุ้นไทย 3 เม.ย.ปิดที่ระดับ 1,580.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,184.45 ล้านบาท

หุ้นไทย 3 เม.ย.ปิดที่ระดับ  1,580.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 31,184.45 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวันก่อนปิดที่ระดับ 1,580.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 31,184.45 ล้านบาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยช่วงเดือนเม.ย.นี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550 – 1,600 จุด ด้วยความผันผวนในระดับต่ำและมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว

โดยมีปัจจัยบวกจากกระแสเงินต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง จากกรณีความกังวลในการสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับรีกัน ประกอบกับตลาดได้รับรู้กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้ว

นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูงต่อไป เป็นผลบวกต่อกลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี ธุรกิจการเกษตร ส่วนราคาน้ำมันดิบมีโอกาสลงจำกัดแล้ว เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรับต่อบาเรล และคาดการณ์ว่าที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป

ส่วนปัจจัยลบคือ มูลค่าของตลาดหุ้นไทย (Valuation) ที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ ดังนั้นกระแสเงินที่ไหลเข้าไทยจะไม่มากโดยเปรียบเทียบ ขณะที่การลงทุนภาครัฐหลายโครงการถูกเลื่อนออกไป การบริโภคภายในประเทศยังคงชะลอตัว  โดยในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงเล็กน้อย

นอกจากนี้ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ยังต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก ซึ่งล่าสุดคะแนนนิยมของนางมารีน เลอ เปน ซึ่งเป็นผู้สมัครฝ่ายขวาจัดที่มีจุดยืนในการนำฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป ยังคงสูสีกับนายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ทำให้ประเมินว่าการเลือกตั้งรอบแรกนี้จะยังไม่ได้ผู้ชนะที่ได้คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ จนต้องมีการเลือกตั้งรอบที่ 2 ในวันที่ 7 พฤษภาคม แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่า นายเอมมานูเอล มาครอง มีโอกาสคว้าชัยชนะได้ เนื่องจากจะได้คะแนนของผู้สมัครที่ตกรอบแรกมาครอง

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ แนะนำซื้อเมื่อดัชนีลงมาระดับ 1,550 จุด และ ขายเมื่อดัชนีแตะ 1,600 จุด โดยควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก ผสมผสานกับหุ้นที่มีธีมการลงทุนน่าสนใจ คือ หุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์ ได้แก่ PTTEP, STA  หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่มีสเปรดอยู่ในช่วงขาขึ้น ได้แก่ VNT, AJ และ หุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ AMATA, ROJNA, WHA

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.CPALL ปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,958.05 ล้านบาท
2.PTT ปิดที่ 392.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,525.71 ล้านบาท
3.PTTEP ปิดที่ 95.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,066.88 ล้านบาท
4.ADVANC ปิดที่ 176.00 บาท ลดลง -2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 966.53 ล้านบาท
5.TRUE ปิดที่ 6.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 931.01 ล้านบาท