ดัชนีนักลงทุนเพิ่มขึ้น มองหุ้นไทยยังแกว่ง

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้นหลังจากลงมา 3 เดือนติด มองหุ้นไทยยังแกว่งต่อไป ตลท.ยันกำไร บจ.ไตรมาสแรกออกมาดีตามคาด

นายคเณศ วังส์ไพจิตร เลขาธิการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน พ.ค. ซึ่งมองไปยัง 3 เดือนข้างหน้าว่า อยู่ที่ 100.89 จุด เพิ่มขึ้น 11.69% จากครั้งก่อนที่ 90.33 จุด ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวติดต่อเป็นเดือนที่ 3 แต่เป็นการขึ้นครั้งแรกหลังจากปรับลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน จากที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่อาจส่งผลเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่

ขณะที่มองแยกประเภทนักลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทั้ง 3 กลุ่ม คือ นักลงทุนรายบุคคล บัญชีโบรกเกอร์ และนักลงทุนต่างชาติ แต่นักลงทุนสถาบันในประเทศไม่เปลี่ยนแปลง

หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนมากสุดคือ หมวดธนาคาร ส่วนหมวดเหล็กไม่น่าสนใจลงทุนมากสุด

นายสุรัตน์ จิรจรัสพร หัวหน้าฝ่ายบริการราคาตราสารหนี้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะประชุมปลายเดือน พ.ค. อยู่ระดับ 51 คงเดิมจากดัชนีครั้งที่แล้ว สะท้อนว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มทรงตัวที่1.5% ขณะที่ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี และ 10 ปี ยังอยู่ในระดับทรงตัวเท่าเดิมที่สะท้อนให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งสองรุ่นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า แม้ตัวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกออกมาดี แต่น่าห่วงอยู่ 2 อย่าง โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงการบริโภคของภาคครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และมองว่าหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อสอบถามมาตรการป้องกันไวรัสมัลแวร์ ซึ่ง บลจ. 22-23 แห่ง ได้มีการตอบกลับไปว่าไม่พบการถูกโจมตี

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยไตรมาสแรกที่ประกาศเป็นไปตามที่คาดการณ์252 แห่ง คิดเป็น 40% ของ บจ.ทั้งหมด กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 27.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้ บจ.ยังประกาศผลออกมาไม่ครบแต่เป็น บจ.ขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ผลประกอบการออกมาไม่แตกต่างไปจากนี้

“บจ.ใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดีเพราะมีการกระจายฐานการผลิตที่ไม่ได้อยู่เพียงแต่ในประเทศอย่างเดียว ส่วน บจ.ขนาดเล็กผลประกอบการออกมาดี เช่น ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ขณะที่หลาย บจ.ออกมาไม่ดีเป็นเพราะวงจรธุรกิจ รวมถึงไม่กระจายรายได้ที่หลากหลาย”นางเกศรา กล่าว

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. กล่าวว่า ตลท.อยู่ระหว่างเจรจาบริษัทไทยที่ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศกลับมาจดทะเบียน 2 ตลาด จำนวน 3-5 บริษัท คาดว่าจะทยอยเข้ามาได้ในอีก 2-3 ปี บริษัทดังกล่าวสนใจที่จะเข้ามา