posttoday

หุ้นเวอร์ชั่น 4.0 อาหาร-ไอทีเด่น

03 มีนาคม 2560

อุตสาหกรรมค้าปลีกไอทีเข้าสู่ขาขึ้น หลังจากคู่แข่งเลิกสงครามราคาที่ใช้มายาวนาน 5 ปี

โดย...พูลศรี เจริญ

ขบวนรถไฟสาย “ไทยแลนด์ 4.0” หรือการขับเคลื่อนประเทศไทยภายใต้ธีมไทยแลนด์ 4.0 นั่นเอง นโยบายสำคัญๆ ที่รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อน เช่น นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะด้านคมนาคม โครงการลงทุนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่ม และการส่งเสริมเกษตรกรไปสู่การเป็นเกษตรกรที่ทันสมัย หรือสมาร์ทฟาร์เมอร์

ดร.สมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย มีความเห็นว่า นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นการพัฒนาเทคโนโลยี ที่ดิน แรงงาน และทุน ขณะที่ตลาดการเงินประเทศไทยพัฒนามาถึงจุดหนึ่งแล้ว ดังนั้นถัดจากนี้ต้องพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม

ที่ผ่านมาไทยอยู่ตรงกลาง (เป็นผู้ผลิตกลางน้ำ) หากสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ได้ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศได้ ถ้าไม่ปรับตัวประเทศไทยก็จะถูกตีจากประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

“สำหรับ 10 อุตสาหกรรมที่ไทยจะพัฒนา หนึ่งในนั้นมีอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ไทยมีซัพพลายเชน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไทยคงทำอะไรไม่ได้มาก ส่วนอุตสาหกรรมอาหารมองว่าน่าสนใจที่สุด เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตอยู่แล้ว” ดร.สมชัย แสดงความเห็นได้อย่างน่าสนใจ 

“เราต้องปรับตัว เนื่องจากประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวีที่ไล่หลังประเทศไทยเข้ามาทุกขณะ คือ เวียดนาม ปัจจุบันแม้รายได้ต่อหัวของประชากรเวียดนามจะทิ้งห่างไทย 20 ปี  แต่คงใช้เวลาประมาณ 10 ปีในการตามทันประเทศไทย หากเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวได้ปีละ 6.2% (อ้างอิงจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ) ขณะที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวปีละ 3-4%”

ผลสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำหรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากธีม “ไทยแลนด์ 4.0” บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายดังกล่าว โดยที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มงานวางระบบสื่อสาร ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) บริษัท สามารถเทลคอม (SAMTEL)

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) และบริษัท คอมเซเว่น (COM7) ที่จะได้อานิสงส์ในด้านการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับบน (Studio7 + Banana IT) และระดับล่าง (Banana Sure ขายคอมพิวเตอร์มือสอง) รวมถึงระบบซอฟต์แวร์ เพื่อสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพ

“ประเมินอุตสาหกรรมค้าปลีกไอทีเข้าสู่ขาขึ้น หลังจากคู่แข่งเลิกสงครามราคาที่ใช้มายาวนาน 5 ปี อีกทั้งยังมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 สร้างดีมานด์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์” บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุ

ทั้งนี้ บล.เคจีไอ คาดการณ์กำไร SAMART จะพลิกฟื้นในปี 2560-2561 โดยคาดว่าจะเติบโตถึง 23% ต่อปี จากการกลับมาดำเนินธุรกิจไอซีที โซลูชั่น และบริการโครงข่าย บวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจสาธารณูปโภคและการขนส่ง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน และธุรกิจพลังงานอีกด้วย

กรณี SAMTEL บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มีมุมมองว่า แนวโน้มธุรกิจในอนาคตยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะประมูลงานได้มากเพียงใด แต่ปี 2560 ที่จะมีการเลือกตั้งช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. หากสำเร็จมีงานรัฐขนาดใหญ่ออกมามาก ก็จะทำให้ปี 2560 ดีขึ้นในช่วงปลายปี

ILINK บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรปี 2560 จะเติบโตก้าวกระโดดเป็น 75% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย มีมูลค่าโครงการสูงเป็น 2,000-2,300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/2560 จะผ่านมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และงานโครงการพาวเวอร์ โซลูชั่น ที่สุวรรณภูมิ ซึ่งทั้งสองโครงการนี้เป็นสัดส่วนถึง 29% เทียบกับประมาณการรายได้ปีนี้

ITEL บล.บัวหลวง มองว่าการประกาศงาน O&M โครงข่ายไฟเบอร์ ออปติก มูลค่า 125 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกใหม่ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนจากการแบกต้นทุนมาเป็นหากำไร ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีโอกาสขยายธุรกิจ O&M เพิ่มอีกในอนาคต สำหรับให้เช่าไฟเบอร์ คาดว่าตลาดจะเริ่มให้มูลค่ากับกำไรที่ได้จากลูกค้าใหม่เมื่อเห็นรายได้เติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส

โดยในไตรมาส 4/2559-ไตรมาส 1/2560 ITEL จะเริ่มให้บริการกับผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหม่ และลูกค้าร้านสะดวกซื้อที่ได้สัญญามาแล้วกว่า 1,000 สาขา ในขณะที่การเติบโตระยะยาวมีโอกาสมากกว่าคาดจากแผนธุรกิจเชิงรุก และโอกาสที่เข้าไปขายการเชื่อมต่อกับตู้เอทีเอ็ม

ทั้งนี้ บล.บัวหลวง ระบุว่าเริ่มมีความมั่นใจในการเติบโตของรายได้ค่าเช่าโครงข่ายไฟเบอร์ ออปติกของ ITEL โดยคาดว่ามีราว 40% ในปี 2560 (ซึ่งจะมาจากการหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม หนุนรายได้เติบโตราว 8-10% จากไตรมาสก่อนในทุกไตรมาส) โดยในไตรมาส 4/2559 จะเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือที่เข้ามาเช่าโครงข่าย Interlink Dark Fiber ในเส้นทางภาคใต้เพิ่มขึ้น และไปจนถึงไตรมาส 1/2560 คาดว่าจะเติบโตจากการรับรู้รายได้ของลูกค้าที่เป็นร้านสะดวกซื้อ

ปัจจุบัน ITEL ได้รับสัญญาเข้ามาราว 1,000 สาขา ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับสัญญาเพิ่มวงจรของจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เข้าไปขายการเชื่อมต่อกับตู้เอทีเอ็มที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่บริษัทมีวงจรเชื่อมต่ออยู่แล้ว

เมื่อมองภาพรวมของตลาดหุ้น ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง มองว่าแนวโน้มการลงทุนปีนี้เชื่อว่าจะยังไปต่อได้ เนื่องจากมองว่านักลงทุนยังคงมีความต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ ประกอบกับเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ดัชนีจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,600 จุด

ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิ บจ.เติบโตจากปีก่อน 6% กำไรจากการดำเนินงานยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) จะยังคงอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งปัจจุบันระดับเศรษฐกิจไทยถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก

ประเมินหุ้นไทยช่วงปลายปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ จะอยู่ที่ระดับ 1,670 จุด ได้รับอานิสงส์จากการวางรากฐานจากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขณะเดียวกันคาดว่าในระยะยาวนั้น นโยบายดังกล่าวจะช่วยผลักดันตลาดให้เติบโตมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องระวังความผันผวนของตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3-4 ครั้ง