posttoday

หุ้นไทยแพงเน้นหุ้นรายตัว

02 มกราคม 2560

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้ ในภาวะที่ตลาดยังพอไปต่อได้ ให้เลือกหุ้นรายตัวลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้ ในภาวะที่ตลาดยังพอไปต่อได้ ให้เลือกหุ้นรายตัวลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้ ในภาวะที่ตลาดยังพอไปต่อได้ ให้เลือกหุ้นรายตัวลงทุน โดยเน้นหุ้นที่ถูกข่าวร้ายกระทบในปี 2559 เลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และรับเหมาก่อสร้าง

“ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ” นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาไทยอยู่ในระดับต่ำ และอยู่ในจุดที่รอฟื้นตัวและยังไปต่อได้ แต่เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว เพราะถ้าผลประกอบการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาดี ก็ไม่ต้องห่วงระดับราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี)

ในทางกลับกันหากวันนี้ประเทศไทยอยู่ในฐานที่ตัวเลขเศรษฐกิจหรือผลประกอบการอยู่ในระดับสูง อะไรก็ดูดีไปหมด ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงมากกว่า เพราะจะมีแต่ความกลัวว่า หุ้นจะตกเมื่อไร แต่ครั้งนี้จะมองว่าหุ้นจะขึ้นเมื่อไรมากกว่ากัน

ดังนั้น การลงทุนในช่วงนี้ไม่ได้ยากนักเพราะไม่ได้อยู่บนดอยยังพอไปได้ แต่ควรเป็นลักษณะการเลือกแบบรายตัวที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีศักยภาพฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว หรือมีความพร้อมหรือได้ประโยชน์จากที่มีการพัฒนาการที่ดี

“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า มีโอกาสดัชนีจะมีการปรับขึ้นได้บ้าง แม้หุ้นไทยจะไม่ดีกว่าตลาดอื่นเหมือนปีที่ผ่านมาก็ตาม ดังนั้นแนะนำหุ้นที่เจอข่าวร้ายไปเมื่อปีก่อน อีกทั้งราคาก็เคลื่อนไหวต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม อย่างหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่โดนเรื่องหนี้เสียไป และกลุ่มสื่อสารที่ได้รับผลกระทบกับการประมูลคลื่นใหม่ไป นอกจากนั้นมองว่าหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่ขึ้นข่าวการประมูลงานหรือการเร่งลงทุนของรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้นักลงทุนต้องทำการบ้านและเลือกเป็นรายตัวให้ดี

“ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บล. ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์การลงทุนคือ  ถ้ามองในระยะ 6-12 เดือน เป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Laggard) ในปี 2559 ก่อนที่มองว่าหุ้น 2 กลุ่มนี้จะกลับมาดีในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารทหารไทย (TMB) เนื่องจากธนาคารได้รับรู้ข่าวร้ายและมีการแก้ไขปัญหาหนี้เสียไปแล้ว ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 4 ของกลุ่มธนาคารอาจจะออกมาไม่ดี รวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อสารช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมานี้

นอกจากนั้น แนะนำหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อย่าง บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) มองว่าราคายังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก เพราะจำนวนงานใหม่ที่เพิ่งได้รับปลายปีคิดเป็นงานที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) 1 ใน 3 ของจำนวนงานที่ได้จากการประมูลทั้งหมด และมองว่าราคายังมีส่วนต่างที่พอทำกำไรได้อยู่จากราคาปัจจุบัน และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่ย่อลงมาก็ถือเป็นโอกาสทยอยสะสม

“นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือวีไอ มองการลงทุนปี 2560 จะเน้นไปลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดหุ้นเวียดนามที่ทำมา 2 ปี เนื่องจากเหมือนไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่เพิ่งตั้งไข่และเตรียมจะไปต่อ อุปสรรคคือเรื่องกฎเกณฑ์ ความผันผวนเรื่องของค่าเงินที่มีความผันผวน และสภาพคล่องของหุ้นยังน้อยก็อยากจะเพิ่มสัดส่วนของหุ้นเวียดนามไปเรื่อยๆ ขณะที่เหลือกว่า 40% ถือเป็นเงินสดไว้ ซึ่งตอนนี้ราคาหุ้นไทยราคาส่วนใหญ่เต็มมูลค่าแล้ว ซึ่งจะสนใจหุ้นไทยอีกครั้งก็ต่อเมื่อราคาหุ้นมีการปรับตกลงมาแรง ซึ่งปกติวีไอจะไม่ซื้อหุ้นที่ราคาเต็มมูลค่า แต่ต้องรอให้ราคาหุ้นมันถูกลงตามเป้าหมายที่ลงเอาไว้

“ปี 2559 อาจจะมองว่าการลงทุนที่ผิดพลาดเพราะกลัวเกินไป โดยไม่คิดว่าหุ้นไทยจะปรับขึ้นมาได้ขนาดนี้เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่ได้รองรับกับภาวะหุ้นที่จะขึ้น โดย 2560 ตั้งใจจะเพิ่มหุ้นเวียดนามไปเรื่อยๆ โดย 2 ปีนี้จะเห็นผลตอบแทนมากกว่า 40% ขณะที่เงินปันผลบางตัวก็ได้ถึง 10% แต่โดยรวมถือว่าได้เงินปันผลที่ระดับ 6-7% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับของไทย แต่ปัญหาของหุ้นเวียดนามจะซื้อหรือขายไม่ค่อยได้เพราะสภาพคล่องจะน้อยกว่าไทย ขณะที่หุ้นไทยได้อัตราผลตอบแทนปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 30%”

ทั้งนี้ แนะนำผู้ลงทุนว่า ตอนนี้หุ้นไทยถือว่าแพงดูจาก พี/อี บางตัวพุ่งไป 50-60 เท่า ปี 2560 ต้องเฝ้าระวังปัจจัยที่จะเข้ามากระทบการลงทุนได้เป็นเรื่องอันตรายและควรระมัดระวังการลงทุนเพราะภาพตลาดใหญ่ดูยาก แต่ถ้าหุ้นไทยมีการปรับลงแรงก็เป็นจังหวะที่จะช้อนเก็บหุ้นในใจรายตัวอยู่ได้