posttoday

23 หุ้นปันผลงวดครึ่งปีสม่ำเสมอ ให้ผลตอบแทนเกิน 4%

31 กรกฎาคม 2560

โดย...ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส

โดย...ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะเสร็จสิ้นการประกาศผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 ในช่วงเดือน ส.ค. 2560 ซึ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทําให้ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไม่น่าสนใจ หุ้นปันผลสูงจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสําหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนเข้าสะสมหุ้นปันผลเด่นโดยเฉพาะการจ่ายปันผลงวดครึ่งปี หรือปันผลระหว่างกาลในอัตราที่ดี

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (ASP) แนะนำให้นักลงทุนเลือกซื้อหุ้นปันผลที่มีสถิติจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 23 หุ้น จากหุ้นทั้งหมดที่ฝ่ายวิจัยทำการวิเคราะห์อยู่กว่า 170 บริษัท ซึ่งหุ้น 23 บริษัทนี้จ่ายปันผลระหว่างกาลจ่ายอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปี (2556-2559) ที่ผ่านมา และเป็นหุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่า 4%

สำหรับระยะเวลาการเข้าลงทุนนั้นให้เข้าลงทุนก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD 1 เดือน ให้ขายหลังจากขึ้นเครื่องหมาย XD 1 สัปดาห์ ก็จะให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนในอัตราที่น่าพอใจ โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.5% ด้วยความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นจะปรับขึ้นเป็นบวก 63% จะเห็นว่าผลตอบแทนน้อย เมื่อเทียบกับการจ่ายตามผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของทุกปี

อย่างไรก็ตาม ยามตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบแคบหุ้นที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลน่าจะได้รับความสนใจมาและมี 4 หุ้น ที่มีพื้นฐานธุรกิจแกร่งและมีการปันผลดี KKP, TCAP, LH และ RATCH โดย 4 บริษัท หากซื้อก่อน XD และขายหลัง XD 1 เดือน มีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.89% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูง 93.75%

อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ในเชิงพื้นฐานในแต่ละบริษัทพบว่า ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) มีราคาเหมาะสมที่ 78.50 บาท ราคาปรับฐานจากผลประกอบการในไตรมาส 2 ตํ่ากว่าคาด แต่ตลาดเริ่มทยอยรับรู้ไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาได้จากศักยภาพในการหารายได้ที่แข็งแกร่งของธุรกิจตลาดทุน และยังเป็นหุ้นปันผลสูงสุดของบริษัทที่ฝ่ายวิจัยดูแล โดยคาดหวังให้ผลตอบแทนเงินปันผลได้กว่า 8.79% ต่อปี

ทุนธนชาต (TCAP) ให้ราคาเหมาะสมพื้นฐาน 53 บาท มีโมเมนตัมบวกของสินชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังของปีบวกกับการเพิ่มส่วนผสมของสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งรถมือสองและทะเบียนรถยนต์ล้วนส่งผลบวกต่ออัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่สามารถประคองตัวได้ในระดับสูง ทั้งมูลค่ายังถูกลงมามากจึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ให้ราคาเหมาะสมที่ 12 บาท เป็นหุ้นขนาดใหญ่มีโครงสร้างธุรกิจครบทุกมิติอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและเช่ารวมทั้งมีฐานลูกค้าในทุกกลุ่มคาดว่าไตรมาส 2 จะมีกำไรสุทธิ โดดเด่นจากยอดโอนที่เพิ่มขึ้นทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ซึ่งจะมีการส่งมอบโครงการใหม่ 2 โครงการ และยังมีกำไรพิเศษกว่า 1,000 ล้านบาท จากการขายโรงแรม Grand Centre Point ราชดําริเข้ากอง LHHOTEL ที่ดําเนินการในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

บริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ให้ราคาเหมาะสมที่ 50.19 บาท คาดว่าผลดำเนินงานในไตรมาส 2 ปรับตัวขึ้นจากไตรมาสแรกของปี ตามฤดูกาลเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนความต้องการใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้าทุกแห่งของ RATCH กลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังและไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในงวดไตรมาส 2 รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาเต็มปีเป็นปีแรก