posttoday

แนะนำถือเงินสดรอ

24 กรกฎาคม 2560

โดย...บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้

โดย...บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้

แม้เดือน ก.ค. เวลาผ่านไปไม่ถึง 3 สัปดาห์ แต่เริ่มเห็นสัญญาณตลาดกำลังปรับประมาณการกำไรลงจากคาดการณ์กำไรต่อหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปีนี้ และปีหน้าที่ 102.34 บาท และ 113.56 บาท ในสิ้นเดือน มิ.ย. มาเป็น 102.08 บาท ลดลง 0.3% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ 112.77 บาท ลดลง 0.7% ณ วันที่ 17 ก.ค. ตามลำดับ (บลูมเบิร์ก) ซึ่งต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ รวมไปถึงหุ้นนอกกลุ่มสถาบันการเงินที่มักประกาศผลประกอบการเร็ว อาทิ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค (DCC) บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSL) บริษัท ปูนซิเมนต์นครหลวง (SCCC) บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ด้วยมองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ในเชิงลบ (คาดการณ์เบื้องต้นว่า กำไรต่อหุ้นโดยรวมจะลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8% จากไตรมาสแรก) และราคาน้ำมันที่ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จึงมองภาพรวมกำไรของตลาดมีแนวโน้มถูกปรับลงมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งน่าจะกดดันดัชนีแกว่งในทิศทางไซด์เวย์ดาวน์ในช่วงเวลาดังกล่าว

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถเลือกเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 2 จะออกมาดี และราคายังมีโอกาสปรับขึ้น ชอบ บริษัทอาม่า มารีน (AMA) บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ กรุ๊ป (BEAUTY) บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) บริษัท อาร์เอส (RS) บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) และหุ้นที่คาดว่าจะมีปันผลจ่ายระหว่างกาลงวดนี้ระดับ 2% ขึ้นไป เด่น บริษัท บ้านปู (BANPU) บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA) บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) บริษัท เอสพีซีจี (SPCG) บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) บริษัท น้ำประปาไทย (TTW)

อย่างไรก็ดี มองว่าไม่ใช่ช่วงเวลาในการเพิ่มพอร์ตการลงทุน ยังแนะนำถือเงินสดเพื่อรอซื้อที่ต่ำ จากมุมมองตลาดที่เป็นห่วงการปรับฐานของตลาดหุ้นโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. โดยเบื้องต้นมองดัชนีระดับต่ำกว่า 1,550 จึงน่าจะเป็นจังหวะเริ่มทยอยสะสมของพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้ หุ้นเด่นที่แนะนำในเดือน ก.ค. คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) BEAUTY, บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บริษัท มัดแมน (MM) ROJNA, บริษัท ซีฟโก้ (SEAFCO) บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ส่วนหุ้นเด่นที่แนะนำสำหรับครึ่งปีหลังคือ AMA, BEAUTY, บริษัท ช.การช่าง (CK) บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ROJNA, SEAFCO

ทั้งนี้ ยังไม่เปลี่ยนมุมมองตลาดหุ้นไทยเสี่ยงปรับตัวลงในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า (ก.ค.-ส.ค.) จากปัจจัยเสี่ยงภายนอกทั้งโอกาสเกิดการปรับฐานของหุ้นสหรัฐหลังขึ้นยาวนาน 1 ปีเต็ม โดยไม่มีการปรับฐานลงมากกว่า 5% เลย นโยบายการเงินโลกที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนไปในทางที่เข้มงวดขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ โดยเฉพาะประเด็นการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญภายในไตรมาส 3 นี้