posttoday

ไม่ไหลออก ไม่ไหลเข้า

20 มิถุนายน 2560

โดย...ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย

โดย...ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting) เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2560 มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% เป็น 1.00-1.25% ด้วยคะแนน 8 ต่อ 1 เสียง โดยมีเพียงนีล กาชการี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสที่ต้องการให้เฟดคงดอกเบี้ย

ตลาดยอมรับได้ต่อการส่งสัญญาณล่วงหน้าในการลดงบดุลของเฟด แต่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะลดได้ถึง 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน อย่างน้อยก็ต้องเป็นปี 2562 ยังถือว่าเบากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม

ตลาดผ่อนคลายต่อการยืนยันของเฟดว่าจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังส่งสัญญาณที่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เพียง 3 ครั้ง (ขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง เหลืออีก 1 ครั้ง ในครึ่งปีหลัง) ประเมินการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดคือ แนวทางที่ 1 ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. 2560 ก่อนจะทิ้งช่วงยาวไปปีหน้า เพื่อให้การประชุมช่วงปลายปี ในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. เฟดจะเริ่มการลดขนาดงบดุล

แนวทางที่ 2 เฟด ทิ้งช่วงการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ก.ค. ก.ย. พ.ย. เพื่อรอดูมาตรการลดภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะนำเข้าสภาคองเกรสและไปขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งช่วงเดือน ธ.ค.

มองตัวเลขที่จะมีผลต่อตลาดนับจากนี้คือ เงินเฟ้อ แต่ที่จะมีผลจริงจังคือ PCE (Personal Consumption Expenditures) จะมีการรายงานวันที่ 30 พ.ค. หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดอีกน่าจะทำให้ตลาดยังคงสบายใจต่อการดำเนินนโยบายของเฟด

สัญญาณจากเฟด ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผ่อนคลาย บรรดาธนาคารกลางในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกำลังปรับคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขึ้น ส่งสัญญาณเศรษฐกิจดี และการเตรียมเลิกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย มองเป็นปัจจัยเสี่ยงเรื่องเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่

ค่าเงินเหรียญสหรัฐมีโอกาสที่จะถูกซื้อคืนต่อเนื่อง เพราะนอกจะได้ปัจจัยกระตุ้นการลดขนาดงบดุลของเฟดแล้ว ยังได้เรื่องสถานะ Long ในเงินเหรียญสหรัฐ (Net Non-Commercial Futures Position) ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ ยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน ทำให้มีพื้นที่ในการซื้อกลับอีกมาก ซึ่งน่าจะทำให้เงินเหรียญสหรัฐมีการฟื้นตัวจากบริเวณที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ต้นปี กดดันให้สกุลอื่น ต้องเริ่มอ่อนค่า

เงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ปี จนต่ำกว่า 34 บาท/เหรียญสหรัฐ ซึมซับการอ่อนค่าของเหรียญสหรัฐ รวมไปถึงการเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 11% ต่อจีดีพี ไปมากแล้ว บาทน่าจะเริ่มถูกขายทำกำไร และมีโอกาสที่จะอ่อนกลับไปทดสอบ 34.50 บาท/เหรียญสหรัฐ

การกลับไปอ่อนค่าของเงินบาท คาดว่าจะไม่ทำให้เงินต่างชาติไหลออก โดยเฉพาะในตราสารทุน เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 8,770 ล้านบาท ถ้าหักการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ที่มีการตั้งสมมติฐานว่าเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อภาพรวมจะเป็นขายสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ตราสารหนี้มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นการขายของต่างชาติ เนื่องจากได้เข้าซื้อในปีนี้ถึง 1.35 แสนล้านบาท ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ซื้อ 3.13 แสนล้านบาท

เงินทุนต่างชาติจะเป็นเหมือนเดิม ไม่ไหลออก แต่ก็ไม่ไหลเข้า ทำให้ตลาดหุ้น (SET) ขาดเม็ดเงินใหม่และเงินทุนในประเทศจะพยุง ทำให้ SET ยากที่จะยืนเหนือ 1,570 จุดได้นาน โดยดัชนีจะแกว่งตัวออกข้าง กลุ่มที่ชนะ ตลาดในช่วงนี้คือ ธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ทั้งแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในปี 2560-2561 หรือหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการเด่นในงวดไตรมาส 2 ปี 2560