posttoday

ตลาดหุ้น มีโอกาสผันผวนมากขึ้น

23 พฤษภาคม 2560

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ CFP และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ CFP และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต E-mail : [email protected]

การพักฐานของตลาดหุ้นมักเกิดขึ้น หลังความผันผวนลดเหลือต่ำกว่าระดับปกติมาก สถิติชี้ว่า ใน 8 ครั้งที่ความผันผวนทำจุดต่ำสุด จะเกิดการพักฐานตามมาถึง 6 ครั้ง ด้วยอัตราการปรับตัวลงประมาณ 3.5-25% (ไม่รวมปี 2539 ที่ปรับตัวลงกว่า 60%)

ล่าสุด ดัชนีความผันผวน (1-Yr Historical Volatility) ของ SET ลดเหลือ 11.6% ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 30 ปี และต่ำกว่าเฉลี่ยที่ 21% มาก ดูรูปที่ 1 ส่อนัยว่านักลงทุนส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ ด้วยปัจจัย

1) หลังทำจุดต่ำสุดใหม่เมื่อวันที่ 8 พ.ค. เครื่องมือชี้วัดความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ (ดัชนี VIX) และในยุโรปเริ่มทะยานขึ้น เนื่องจากปัญหาการเมืองในสหรัฐอาจกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ “ทรัมป์” และอาจนำไปสู่การถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี

สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสเงินทุนส่วนหนึ่งไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นทั่วโลก และโยกเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ พันธบัตร เป็นต้น

2) มูลค่าของ SET ตึงตัว ค่าสัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) อยู่ที่ 15.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ที่ราว 14 เท่า หรือ Earnings Yield Gap* ที่ 3.64% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

Earnings Yield Gap* เป็นส่วนต่างระหว่าง Earning Yield-Bond Yield ที่ถูกใช้เป็นตัวแทนของค่าชดเชยความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้น

3) กำไรปกติบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาสแรกส่วนใหญ่น่าผิดหวัง และคาดว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (Consensus) จะปรับประมาณการกำไรของหุ้นส่วนใหญ่ลง กำไรสุทธิของ บจ.ในภาพรวมแม้จะขยายตัวราว 21% ในไตรมาสแรก แต่เป็นผลจากฐานต่ำเมื่อปีก่อน

4) การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาด แม้จะมีสัญญาณบวกหลายประการ แต่ยอดขายสาขาเดิมของโมเดิร์นเทรดชั้นนำในไตรมาสแรกยังอ่อนแอ เช่นของเซเว่นอีเลฟเว่น โตเพียง 1.2% โรบินสัน -4.4% โฮมโปร -2.5% เมกะโฮม -3% โกลบอล -7% เป็นต้น

5) ปัญหาการเมืองในสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ บอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐที่เคยทะยานขึ้นไปแตะ 2.62% ช่วงกลางเดือน มี.ค. 2560 ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดระดับลงมาที่ 2.24%

อย่างไรก็ดี ยังมีโอกาสสูงราว 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งอาจส่งผลให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนมากขึ้นก่อนการประชุมเฟด

สถิติชี้ว่า เมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น SET มีโอกาสปรับตัวลงเฉลี่ย 2.6-4.3% หรือลงไปที่ 1,500-1,480 จุด ทีมกลยุทธ์ บล.ธนชาต จึงแนะนำให้

1) เพิ่มสัดส่วนเงินสดในพอร์ตการลงทุน

2) ปรับพอร์ต โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงจำกัด

3) ปิดความเสี่ยงโดยเฮดจ์ (Hedging) ผ่านการเปิดชอร์ต SET50 ฟิวเจอร์ส

นักกลยุทธ์ธนชาตแนะพอร์ตเชิงกลยุทธ์ (Tactical Portfolio) แนะให้โยกไปยังหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) บริษัท ลีซ อิท (LIT) บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) บริษัท ซัสโก้ (SUSCO) บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) และเงินสด 10%

กลุ่มหุ้นดังกล่าวจะเน้นที่

1) คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง

2) มี Reward to risk ratio น่าสนใจ

3) ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยในประเทศต่ำต่อเนื่อง และ

4) มีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรและเป้าหมายทางพื้นฐานขึ้น

ทั้งนี้ สามารถติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม ผ่านแอพพลิเคชั่น Thanacahrt Think ได้ทั้งระบบ iOS และแอนดรอยด์ (ลูกค้า บล.ธนชาต ใช้งานได้แล้ววันนี้ นักลงทุนทั่วไปทดลองใช้งานฟรี 60 วัน)

พบกันใหม่ สวัสดีครับ