posttoday

กำไรบจ.ชี้ทิศทางหุ้น

01 พฤษภาคม 2560

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP, และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชาต

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP, และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชาต email: [email protected]

"เจ้ามือ" ตัวจริงในตลาดหุ้นคือผลการดำเนินงาน

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะทยอยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกก่อนถึงเส้นตายกลางเดือน พ.ค.นี้ นักวิเคราะห์พื้นฐานของธนชาตประเมินว่าภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวใกล้เคียงกับของปี 2559 กำไรของ บจ.ปีนี้จะโตเพียง 7% ค่าพี/อีตลาดจะลดลงเหลือ 15.6 เท่า พี/อีระดับนี้ไม่ถือว่า “ถูก” โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกมักถูกใช้เป็นตัวกำหนดทิศทางของทั้งปีหากผลการดำเนินงานปกติดีเกินคาดจะนำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการกำไร และราคาหุ้นเป้าหมายในทางตรงข้าม หากแย่เกินคาดจะนำไปสู่การปรับลด

ก่อนหน้านี้ ธนาคารขนาดใหญ่รายงานกำไรใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด หรือต่ำกว่าเล็กน้อย แต่เอ็นพีแอลยังคงไต่ขึ้น กระตุ้นความกังวลว่าธนาคารต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูงต่อไป จึงเกิดแรงขายในหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารทหารไทย (TMB) ล่าสุดราคาหุ้นที่ร่วงลงมาเริ่มยืนได้แล้ว

ขณะที่ธนาคารที่เน้นลีสซิ่งรถยนต์กำไรฟื้นตัวชัดเจน นำโดย ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป  (TISCO) ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) หลังตลาดรถยนต์ฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ราคารถยนต์มือสองเด้งขึ้นต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มลีสซิ่งจึงเด่นกว่าหุ้นธนาคารใหญ่อย่างชัดเจน

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี งบบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่ดีเกินคาด ได้กระตุ้นแรงเก็งกำไรในหุ้นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน เช่น พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ขณะที่หุ้นที่เหลือในกลุ่มแม้ธุรกิจไม่เหมือนกัน แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่า เช่น ไออาร์พีซี (IRPC) เป็นต้น

ส่วนหุ้นโรงกลั่นนั้นค่าการกลั่นและค่าการตลาดน้ำมันยังอยู่ในเกณฑ์ดี น่าจะช่วยผลการดำเนินงาน หุ้นที่ Valuation ยังถูกอยู่ ได้แก่ เอสโซ่ (ESSO) ซัสโก้ (SUSCO) เป็นต้น

แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และโทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น (DTAC) กำไรหดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ของ ADVANC เพิ่มขึ้นถึง 28% น่าสังเกตว่าทั้งคู่ต่างลดค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนค่าเครื่องให้แก่ลูกค้าแบบเติมเงิน ถือเป็นสัญญาณบวกว่าการแข่งขันในธุรกิจนี้ลดระดับความรุนแรงลง

กรณี ADVANC ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการอุดหนุนค่าเครื่องลดลงจาก 17% ของรายได้จากการให้บริการ ในไตรมาสแรกปี 2559 เหลือ 13.5% ในไตรมาส 4 ปี 2559 ล่าสุดลดเหลือเพียง 8.2% ในไตรมาส แรกปี 2560

การอุดหนุนค่าเครื่องให้แก่ลูกค้า 2จี เดิมจบไปแล้ว ขณะที่การอุดหนุนค่าเครื่องให้แก่ลูกค้าแบบเติมเงินก็ลดลงเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์มาให้ความสำคัญกับลูกค้าคุณภาพ

สำหรับ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) รายงานกำไร 12,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% หลักๆ มาจากต้นทุนการผลิตน้ำมันที่ต่ำกว่าคาดมาก ต้นทุนต่อหน่วยลดเหลือ 27.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ จากเดิมที่ทางบริษัทเคยมองไว้ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบสาเหตุมาจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงกว่า 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของกลุ่มค้าปลีกนั้น โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดตัวสวย กำไรสุทธิขยายตัวถึง 21% สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีเกินคาดถึง 0.97% เป็น 26.01% แต่ยอดขายรวมโตเพียง 5% มาจากการขยายสาขา แต่สาขาเดิมยอดขายติดลบ 2.5% อันเป็นผลพวงจากกำลังซื้อ “ซึม” และภาคใต้เผชิญกับน้ำท่วมช่วงต้นปี

การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ปัจจัยสำคัญในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ต้องติดตามกันต่อไปว่าหุ้นค้าปลีกที่เหลือจะมีทิศทางอย่างไร

นอกเหนือจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอน เช่น ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี การคาดการณ์จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟด เป็นต้น

ตลาดคาดว่ามีโอกาสเพียง 15% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่ยังมองว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งภายในปีนี้

ตลาดหุ้นไทยมีสัญญาณพักฐานมาตั้งแต่หลังสงกรานต์ มีโอกาส 60% ที่จะถูกดึงลงมาทดสอบแนวรับ 1,545 หรือ 1,524 จุด Valuation หุ้นไทยไม่ถูก การแกว่งขึ้นจึงถูกมองเป็นโอกาสแบ่งขายทำกำไร ตลาดจะไปต่อต้องการปัจจัยกระตุ้นตลาดใหม่ เช่น กำไรของ บจ.ส่วนใหญ่โตดีเกิน 15% สหรัฐมีความชัดเจนแผนปฏิรูปภาษี ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หรือตะวันออกกลาง รวมถึงระหว่างมหาอำนาจ สหรัฐ รัสเซีย จีน คลี่คลายลง เป็นต้น

เมื่อเข้าสู่เดือน พ.ค. มักมีการพูดถึง “Sell in May and Go Away” หมายถึงให้ขายหุ้นในเดือน พ.ค. แล้วออกจากตลาดหุ้นลองตามดูครับ