posttoday

โอกาสหุ้นแกว่งขึ้นจำกัด เน้นหุ้นเติบโต

18 มกราคม 2560

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชา

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชาต / [email protected]

สัปดาห์ก่อนกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น TIP (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) ช่วยดันดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,575.24 จุด ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 22 เดือน เงินบาทที่เคยอ่อนยาวไปถึง 36 บาท/เหรียญสหรัฐ ก็แข็งขึ้นมาแถว 35.40 บาท

อัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ 10 ปี บ้านเราที่เคยพุ่งพรวดขึ้นไปแตะ 2.9% ถอยลงมาแถว 2.7% บาทแข็งและยิลด์ถอยได้ช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดตราสารหนี้ รวมถึงตราสารที่ใกล้เคียง เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงหุ้นปันผลที่กำไรไม่โต

อย่างไรก็ดี ต่างชาติเริ่มขายสุทธิในช่วงปลายสัปดาห์ โอกาสทำกำไรระยะสั้นจึงถูกจำกัดอยู่แถวใกล้ 1,600 จุด ปัจจุบันค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยขึ้นมาอยู่ที่ 15 เท่า แม้ใช้ประมาณการกำไรปี 2560 ที่คาดว่ากำไรจะโต 10.9% เทียบกับค่าพีอีเฉลี่ย 10 ปี ที่ 14.8 เท่า

นักลงทุนได้ตอบรับการฟื้นตัวยาวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันไปค่อนข้างมาก รวมถึงมีความคาดหวังสูงต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้

การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา ได้เพิ่มโอกาสที่จะผลักดันนโยบาย โดยเฉพาะการปฏิรูปภาษีและการลงทุนสาธารณูปโภค ซึ่งจะช่วยต่อยอดการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและเพิ่มแรงดันเงินเฟ้อ

แม้ตลาดการเงินจะคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เพียง 2 ครั้ง ไม่ใช่ 3 ครั้งอย่างที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาด แต่แนวโน้มดอกเบี้ยก็ยังเป็นขาขึ้นอยู่ดี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยบ้านเรากับของสหรัฐจึงมีแนวโน้มแคบลง ซึ่งอาจทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนไหวผันผวนเป็นระยะ การแกว่งขึ้นรอบนี้จึงเป็นจังหวะปรับพอร์ตลดกองทุนฯ โครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงหุ้นปันผลที่กำไรไม่โต และหาจังหวะซื้อหุ้นเติบโต (Growth Stock) เช่น

1) กลุ่มหุ้นที่กำไรเติบโตดีกว่าตลาด แต่ค่าสัดส่วนราคาต่อกำไร (พีอี) ไม่สูงนัก แนะซื้อ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) บริษัท ซัสโก้ (SUSCO) และเอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO)

2) กลุ่มหุ้นที่กำไรเติบโตสูงมาก แต่พีอีก็สูงเช่นกัน ดังนั้น จึงแนะนำซื้อ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC)

3) กลุ่มหุ้นที่กำไรโตดีกว่าตลาด แต่พีอีค่อนข้างสูง แม้มองเป็นกลุ่มที่ High Risk-High Return แต่แนะนำ “ซื้อ” บริษัท โรงพยาบาลราชธานี (RJH) ที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ปี 2559 ออกมาดี ส่วนท่านที่ชอบซื้อดักหุ้นปันผลเพื่อรอข่าวในช่วง มี.ค.-เม.ย.นั้น ปีนี้แนะให้คัดกรองเฉพาะหุ้นที่กำไรเติบโต มิฉะนั้นอาจเสี่ยงกับการขาดทุนส่วนต่างราคา เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

หุ้นปันผลดีที่มีโอกาสได้ทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ธนาคารกรุงไทย (KTB) TISCO เอพี (ไทยแลนด์) (AP) ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) เป็นต้น (โปรดศึกษาเพิ่มเติมจากบทวิเคราะห์รายหุ้น)

สถิติในอดีตแสดงให้เห็นว่า การซื้อหุ้นปันผลสูงในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. นอกจากได้รับเงินปันผลแล้ว ยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นด้วย ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 3.7-7.1%