posttoday

แรงขายต่างชาติโน้มซาลงหลังผ่านสัปดาห์นี้

19 ธันวาคม 2559

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP, และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชา

โดย...พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP, และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์ ธนชาต / email: [email protected]

สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟดแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ กระตุ้นการปรับพอร์ตระลอกใหม่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.50-0.75% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 60 อีก 2-3 ครั้งในปี 61 และอีก 3 ครั้งในปี 62 ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวถูกปรับขึ้นเป็น 3.0% หลังเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น และการจ้างงานฟื้น

ก่อนหน้านี้ เฟดประเมินว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ ทองคำ รวมถึงตลาดหุ้นเกิดใหม่ ก่อนไหลย้อนกลับเข้าตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ราคาพันธบัตรทั่วโลกทรุด ดันบอนด์ยีล 10 ปีสหรัฐขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ 2.6% ส่วนของบ้านเรามาอยู่ที่ 2.89%

ทองคำทรุดสู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือนครึ่ง ที่ 1,134 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐขึ้นสู่จุดแข็งค่าสุดในรอบ 14 ปี กดดันสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่

แนวโน้มบาทอ่อนค่า เร่งกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นบ้านเรา โดยเฉพาะหุ้นปันผลที่กำไรไม่โต รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์/โครงสร้างพื้นฐาน ในมุมของต่างชาติช่วงนี้ปันผลอาจไม่คุ้มความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ดี ต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยมาตั้งแต่กลางเดือนต.ค. และเร่งตัวขึ้นหลัง “ทรัมป์” พลิกชนะเลือกตั้ง จนกระพือการคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะขึ้นเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้

นับจากต้นปี ต่างชาติได้พลิกกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยแล้ว 1,871 ล้านบาท 

หลังขายหุ้นไทยมากว่า 2 เดือน จากจุดนี้ แรงขายต่างชาติน่าจะเหลือไม่มาก ยิ่งผ่านสัปดาห์นี้ไป จะยิ่งซาลง เนื่องจากจะทยอยหยุดพักร้อนยาวในช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่

ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจสังเกตทิศทางค่าเงินประกอบการตัดสินใจลงทุน หากดัชนีเงินดอลลาร์เริ่มนิ่ง หรือเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าจะเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่า แรงขายปรับพอร์ตจะชะลอลง โดยเฉพาะในหุ้นปันผลที่กำไรไม่โต กองทุนรวมอสังหาฯ /โครงสร้างพื้นฐาน

ระหว่างนี้ยังสามารถเลือกซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงการบริโภค การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว  แนะซื้อหุ้นรายตัวเช่น AOT BJC BEAUTY CPALL EA KCE CK IRPC PTTGC เป็นต้น (โปรดศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินลงทุนจากบทวิเคราะห์ของธนชาต)

การบริโภคในประเทศมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย, “ช็อปช่วยชาติ”, เที่ยวช่วยชาติ, การปลดหนี้รถยนต์คันแรก, การปรับโครงสร้างภาษีฯ บุคคลธรรมดา รวมถึงรายได้ภาคเกษตรที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีหน้า

ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบราว 1.5 แสนล้านบาท หรือ 1% ของ GDP ทั้งนี้ยังไม่รวมผลทวีคูณการหมุนรอบของเม็ดเงิน (Multiplier Effect)

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืบหน้าเป็นลำดับ โครงการลงทุนระยะแรกมูลค่า 6.74 แสนล้านบาท ประมูลไปแล้วกว่า 1/3 ที่เหลือจะเปิดประมูลภายในปี 60 ส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในไตรมาสแรก

ส่วนโครงการลงทุนระยะ 2 มูลค่ากว่า 7 แสนล้านาทจะดำเนินการในปี 60-62 ภาคก่อสร้างจึงมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่กลางปี 60 เป็นต้นไป และส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม 

ด้านเม็ดเงิน LTF/RMF คาดว่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นอีกราว  1.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี ซึ่งจะช่วยประคองตลาดหุ้นอีกทางหนึ่ง