posttoday

ดอกเบี้ยขึ้นแน่ !!!

21 พฤศจิกายน 2559

โดย....บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

โดย....บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

เป็นอันชัดเจนสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ของ Fed หลังคุณ เจเน็ต เยลเลน กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 17 พ.ย.59 ที่ผ่านมา  โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้

1.ยืนยันถึงความพร้อมในการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมาย

2.การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งต่อๆไป จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

3.เยลเลน แนะนำให้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านความสามารถในการผลิตมากกว่าการใช้นโยบายการคลังที่ฟุ่มเฟือย

4.คุณ เจเน็ต ยืนยัน จะไม่ลาออกและจะอยู่จนครบวาระดำรงตำแหน่งในปี 2561

5.เยลเลน ย้ำว่า Fed ต้องมีอิสระในการดำเนินนโยบาย ต้องปราศจากการแทรกแซงจากการเมือง และไม่เห็นด้วยที่จะมีการยกเลิกกฎหมาย Dodd Frank
จะเห็นได้ว่าแนวทางของ Fed ยังคงเป็นไปในแนวทางเดิม และมีหลายจุดที่จะขัดแย้งกับนโยบายของ ทรัมป์ ที่หาเสียงไว้ ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง Fed จะทนต่อแรงกดดันจากรัฐบาลใหม่รวมไปถึงสภาคองเกรสได้หรือไม่

ความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. ด้วย Fed Fund Futures พุ่งขึ้นถึง 96% ตลาดเงินมีปฎิกิริยาตอบรับทันที US Dollar Index  พุ่งขึ้นเกิน 100 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีที่ 101.06 สกุลเงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ 110.24 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนเงินบาทไทยอ่อนค่าต่อจนมาถึง 35.44 บาทต่อดอลลาร์  เช่นเดียวตลาดตราสารหนี้ US 10Y Bond Yield พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบปีที่ 2.302% ดึงให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับพุ่งขึ้นตาม TH 10Y Bond Yield ของไทย พุ่งขึ้นทั้งสัปดาห์กว่า 47 bps จนมาอยู่ที่ 2.61% เป็นจุดสูงสุดในรอบปี เป็นบวกโดยตรงต่อ BLA ที่ราคายังอยู่ในระดับต่ำจากสิ้นปี 2558 ที่ 55.5 บาทโดย KS Research ยังคงมอง BLA เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงจากสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 60 บาท

แรงกดดันจาก US Dollar และเงินบาท จะทำให้ Fund Flow ไหลออกอีกระลอก และนักลงทุนต่างประเทศจะยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามตั้งแต่ 23 ก.ย. – ปัจจุบัน ต่างชาตืขายสุทธิไปแล้ว 4.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 30% ของรอบขาเข้าที่ซื้อสะสมมา ประเมินว่ายังมีโอกาสที่ต่างชาติจะขายได้อีก 3 หมื่นล้านบาท (ยอดขายสะสมจะเพิ่มเป็น 7.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 50% ของรอบซื้อที่ผ่านมา) จากการคำนวนปริมาณการขายดังกล่าวเพื่อหาผลกระทบที่จะมีต่อ SET Index ด้วยสมการถดถอย จะพบว่าจะกดดัน SET Index ราว 39 จุด เมื่อหักจากดัชนีปัจจุบันที่ 1,474 จุด ดัชนีจะพบแนวรับสำคัญที่ 1,435 จุด มองว่าเป็นระดับที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว เนื่องจากที่ระดับดังกล่าวยังเป็นบริเวณ Expected PER 14 เท่า เมื่อใช้ EPS ปี 2560 102.7 บาทต่อหุ้น (ประมาณ 1,437.8 จุด)

คาดว่า SET Index ในวันนี้ จะยังคงซึมลงในกรอบ 1,467 – 1,476 จุด ระยะสั้นยังเลือกเก็งกำไรใน MSCI and SET50 Play KCE BJC และรอเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเมื่อดัชนีลงมาใกล้บริเวณ 1,438 จุด โดยให้เน้นไปที่การสะสมตาม Investment  Theme หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า KCE และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น BLA

ภาพ...เอเอฟพี