posttoday

ตลาดปลอดข่าว

25 ตุลาคม 2559

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

การประชุมธนาคารกลางยุโรปจะยังคงมติ ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% ดอกเบี้ยเงินฝากระหว่างธนาคาร -0.4% และคงวงเงิน QE 8 หมื่นล้านยูโร ไปจนถึง มี.ค.60  โดย ECB ยังไม่มีการพิจารณาปรับเปลี่ยน ลด/เพิ่มระยะเวลาและวงเงิน QE  ซึ่งประธาน ECB คุณ มาริโอ ดรากี ได้แถลงข่าวว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการซื้อพันธบัตรในทันที และการเปิดเผยคาดการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนธ.ค.จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินของที่ประชุมในเดือนธ.ค.

ผลการประชุม ECB ที่ยังคงนโยบายเดิม เป็นตัวสะท้อนว่า ECB ไม่คิดที่จะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้น และการที่ประธานเริ่มพูดถึงเรื่องการปรับเปลี่ยนขนาด QE ก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่ ECB จะทำการรลดขนาดและการยุติการใช้ QE หลังจบโปรแกรม มี.ค.60  ยืนยันกระแสทยอยลดนโยบายการเงินผ่อนคลายของบรรดาธนาคารกลางฯหลักของโลก เพื่อเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินเข้มงวดในการดึงเงินเฟ้อขึ้นแทน  ซึ่งภาพดังกล่าวยิ่งชัดมากขึ้นหาก  Fed ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก่อนสิ้นปี โดยความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. ล่าสุดปรับขึ้นมาอยู่ที่ 67%

หลังการประชุม ECB ตลาดเงินมีปฎิกิริยาทันที US Dollar Index แข็งค่า 0.4% ทำจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน สวนทางกับการอ่อนค่าของ Euro 0.4% ล่าสุดอยู่ที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร ใกล้ระดับที่อ่อนที่สุดในรอบ 4 เดือน เช่นเดียวกับสกุลอื่นๆในภูมิภาคล้วนปรับอ่อนค่ากัน โดยเงินบาทกลับมาเหนือ 35 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้ง มองกระแสการแข็งค่าของ US Dollar จะดึงให้เงินบาทกลับไปเคลื่อนไหวอ่อนค่าแบบปกติ (หลังจากที่แกว่งสวิงอ่อนและแข็งค่าแรงในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา)

นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ SET Index  ปรับเพิ่มขึ้น  1.02% ในขณะที่ SET50 ปรับขึ้นเพียง 0.07%  แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย หุ้นเล็ก-กลาง เป็นหลัก อย่างไรก็ตามการซื้อขายในกลุ่มหุ้น เล็ก-กลาง ดังกล่าวยังไม่เกิดสัญญาณการเก็งกำไรที่มากรุนแรงผผิดปกติ เนื่องจากแม้ SET50 จะ underperform SET ค่อนข้างมาก แต่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยใน SET50 นั้น คิดเป็น 64% ของปริมาณการซื้อขายรวมใน SET Index ซึ่งยังคงใกล้เคียงหรือเท่ากับสัดส่วน Market Cap ของ SET50 เมื่อเทียบกับ SET ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 64% เช่นกัน

SET Index อยู่ในช่วงปลอดข่าว และตลาดกำลังอยู่ในสภาวะเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 3Q59  กลุ่มหุ้นขนาด กลาง-เล็ก น่าจะยังคงเป็นตัวเลือกหลักในการซื้อขายของนักลงทุนในช่วงนี้ สิ่งที่ต้องระวังคือระดับปริมาณการซื้อขายของตลาดที่ลดลงต่อเนื่อง (ล่าสุดมาอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ต่ำที่สุดในรอบ 10 วัน) ทำให้ตลาดขาดความเสถียรและมีความเสี่ยงที่จะต้องเกิดความผันผวนรุนแรงในยามที่ Upside ตลาดกลับมาเหลือเพียงแค่ 2.4%

โดยต้องติดตามเหตุการณ์ต่างๆที่ตลาดมีความอ่อนไหวจนเกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้ ไล่ตั้งแต่ การ Sell on Fact หลังผลประกอบการของภาค Real Sector ออกมาโดยจะเริ่มจากกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้างในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ต.ค. และต้องระวังการให้มากในช่วงต้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ย. (ช่วงวันที่ 11 – 12 พ.ย.) จะมีการประกาศผลประกอบการของกลุ่มหุ้น ค้าปลีก การเงิน เกษตร อาหาร รับเหมาฯ ซึ่งหุ้นหลายตัวในกลุ่มดังกล่าวเป็นที่นิยมในการเก็งกำไรของตลาด นอกจากนั้น ต้องระวังช่วงใกล้ประชุม FOMC 1-2 พ.ย.59 อาจมีความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed มากขึ้น และสุดท้ายคือการประชุมกลุ่ม Opec ในวันที่ 30 พ.ย.59 หากลดกำลังการผลิตตามที่ตลาดคาด เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับร่วงตาม Sell on Fact ได้