posttoday

แนวโน้มตลาดหุ้นกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

07 ตุลาคม 2559

โดย เจษฎา สุขทิศ, CFA &ชยนนท์ รักกาญจนันท์, AFPT INFINITI Global Investors, The Ultimate Investment Solution

โดย เจษฎา สุขทิศ, CFA &ชยนนท์ รักกาญจนันท์, AFPT  INFINITI Global Investors, The Ultimate Investment Solution

ก้าวเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีกันแล้ว โดยตลาดเริ่มคลายความกังวลเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยและหันไปสนใจเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้เป็นเรื่องหลัก วันนี้เราสองคนจะขอเล่ามุมมองให้ท่านผู้อ่านครับ ว่าเรามองผลของการเลือกตั้งที่จะมีต่อตลาดหุ้นโลกอย่างไร

ชยนนท์  : คุณเจทครับ ในอดีตที่ผ่านมาปกติตลาดหุ้นอเมริกานี่มันขึ้นหรือลงในช่วงที่อเมริกามีเลือกตั้งครับ ?

เจษฎา : ข้อมูลในอดีตนะครับ จากการเลือกตั้งที่มีขึ้น 6 ครั้งในรอบกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยประมาณ 5% ในช่วงหลังการเลือกตั้ง ขณะที่ข้อมูลในอดีตนั้นไม่ชัดเจนว่าก่อนการเลือกตั้งตลาดหุ้นจะเป็นบวกหรือลบ อย่างไรก็ตามสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมมองว่าผู้ชนะการเลือกตั้งระหว่าง Clinton กับ Trump ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดภาวะตลาดหุ้นโลกหลังการเลือกตั้งเช่นกัน

ชยนนท์ : ยังไงครับคุณเจท ที่ว่าระหว่างคลินตันกับทรัมป์ชนะแล้วผลจะไม่เหมือนกันเนี่ย

เจษฎา : วันก่อนผมได้นั่งดูโต้วาทีระหว่างทั้งสองคนที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เชื่อมั้ยครับว่าดัชนีตลาดหุ้น S&P มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับโอกาสที่คลินตันจะชนะเป็นประธานาธิบดี เมื่อผ่านการโต้วาทีปรากฏว่าคะแนนนิยมของคลินตันเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตอบรับในเชิงบวกทันทีหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว กราฟที่แสดงนี้ผมเอามาจาก New York Times ครับ รูปบนเป็นอัตราความน่าจะเป็นที่คลินตันจะชนะ เทียบกับรูปล่างคือราคาฟิวเจอร์ของดัชนีหุ้นสหรัฐฯ จะเห็นว่าเส้นกราฟนี่ไปทางเดียวกันมากเลยครับในวันนั้น แล้วนโยบายเศรษฐกิจของสองคนนี้นี่ต่างกันยังไงครับคุณแบงค์ ?

ชยนนท์ : นโยบายของสองคนนี้ต่างกันเยอะมากเลยครับคุณเจท ตั้งแต่เรื่องภาษีที่คลินตันเน้นเรื่องการเก็บภาษีเพิ่มจากคนมีเงินมาก ขณะที่ทรัมป์เน้นลดภาษีให้กับบริษัทขนาดใหญ่ รวมไปถึงเรื่องนโยบายอื่น ๆ อย่างคนต่างด้าวนี่ก็ต่างกันเยอะ คนนึงเอื้อให้เกิดแรงงานไหลเข้าจากนอกประเทศ ส่วนอีกคนกลับเน้นกีดกันออกไป ผมไปอ่านเจอบทวิจัยของโนมูระเค้ามองหากคลินตันชนะช่วยให้เศรษฐกิจโตขึ้น แต่กลับกันหากทรัมป์ชนะจะทำให้เศรษฐกิจเลวลงกว่าที่เป็นอยู่ และท่าทีของTrump ดูจะไม่เห็นด้วยกับมาตรการ FED ในปัจจุบัน และต้องการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เร็วกว่าที่ FED อยากจะให้เป็น ซึ่งแน่นอนการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วย่อมไม่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก คุณเจทคิดว่าในแต่ละกรณีนั้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรครับ ?

แนวโน้มตลาดหุ้นกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

เจษฎา : ผมมองเป็น 3 กรณีตามนี้ครับพี่แบงค์

กรณีที่ 1: ความน่าจะเป็น 60% - โพลส่วนใหญ่ในปัจจุบันคาดโอกาส Hilary Clinton จะชนะโอกาสเกือบ 70% โดยเรามองหากโพลยังคงอยู่ที่ระดับ % ประมาณนี้อย่างต่อเนื่องตลาดหุ้นจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้งบางส่วน และหลังการเลือกตั้งบางส่วน และเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม

กรณีที่ 2: ความน่าจะเป็น 30% - หากในช่วงเดือนตุลาคม Donald Trump ตีตื้นคะแนนความนิยมอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลกน่าจะผันผวนก่อนการเลือกตั้ง และจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้งหาก Hilary เป็นผู้ชนะ

กรณีที่ 3: ความน่าจะเป็น 10% - กรณีสุดท้ายคือถ้าหาก Trump พลิกชนะการเลือกตั้ง หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับคลินตัน เรามองว่าหุ้นโลก และสหรัฐฯ โดยรวมจะปรับตัวลดลงจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบายที่นาย Trump จะตัดสินใจลงมือทำ

ทั้งหมดก็เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจการลงทุนเกี่ยวกับเรื่องแนวโน้มตลาดหุ้นกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เรานำมาแลกเปลี่ยนกัน สำหรับวันนี้เราสองคนลาไปก่อน สวัสดีครับ