posttoday

10 คนที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทำอะไรกิน ?

30 สิงหาคม 2559

โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง

โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง

เริ่มจากจนสุดในสิบคนนี้ก่อนก็คืออันดับ 10 "เจงกิสข่าน" ..หลักๆเป็นนักรบเหมือนที่เราเคยได้ยินว่าชายผู้นี้อยู่บนหลังม้าทั้งชีวิตและนอนในเต๊นท์จนวันตายไม่มีปราสาทไม่มีพระราชวัง ...แต่ตีเมืองและครอบครองอาณาจักรไปกว่าค่อนโลกในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ ...หลักความยิ่งใหญ่ของเขาคือแบ่งทรัพย์สมบัติส่วนใหญที่ได้มาจากการรบให้ลูกน้องเกือบทั้งหมด -- สรุปเจงกิสข่านหากินโดยเป็นนักรบ

อันดับ 9 "Bill Gates" เป็นคนเดียวใน List นี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ...คงไม่ต้องเล่ายาวสำหรับความสุดยอดเขาคือคนกลางระหว่างการสื่อสารของคอมพิวเตอร์กับมุนษย์ทั้งโลกมาหลายทศวรรษ ..ก็ window นั่นแหละที่ทำให้เขารวยมันคือ Platform ที่คนทั้งโลกต้องใช้ในช่วงเวลานั้น ...แม้วันนี้มี Platform ใหม่เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่Google , Facebook , IOS , Android , .. แต่เขาก็ยังรวยที่สุดในโลกปัจจุบันอยู่ -- สรุป Bill Gates หากินโดยเป็นเจ้าของ Platforms ที่คนต้องใช้ทั้งโลก !!(อ๋อความรวยของ Bill คือ $67 Billions ถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท -- "ล้านล้าน" ..นั่นแหละเราว่าพันล้านที่โคตรรวยอันนี้คิดไม่ออกเลย..ฮ่าฮ่า)

อันดับ 8 "Alan Rufus" เขามีชีวิตในช่วง 1040 - 1093 ก็เป็นนักรบ ..คร่าวๆเขามี $194 Billions รวยกว่า Bill Gates เกือบ 3 เท่า

อันดับ 7 "ร็อคกี้เฟรเลอร์" (John D.Rockefeller) เขาเป็นตำนานที่หลายๆคนรู้จักโดยเฉพาะคนอเมริกาเพราะเขาคือผู้ก่อตั้ง Standard Oil ซึ่งในยุคนั้นบริษัทนี้มีส่วนแบ่งตลาดของการผลิตน้ำมัน 90% ของอเมริกา ..เยอะมากใหญ่กว่า Exxon ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่รู้กี่เท่า -- สรุปเขารวยจากผูกขาดน้ำมัน ..ถ้าพูดแบบสมัยใหม่ก็คือเขาควบคุม Platform น้ำมันของอเมริกานั่นเอง

อันดับ 6 "Andrew Carnegie" เขาเป็นตำนานความร่ำรวยในอเมริกาเช่นกันเขาเป็นผู้ก่อตั้ง US Steel ซึ่งคิดเป็นรายได้ 2.1% ของ GDP อเมริกา --สรุปเขารวยเพราะแทบผูกขาดตลาดเหล็กของโลก
อันดับ 5 "สตาลิน" ก็ผู้นำรัชเชียในยุคฮิตเลอร์นั่นเองผู้ควบคุมเบ็ดเสร็จของอาณาจักรหมีขาวในยุคนั้น ..เราอาจเห็นกัดดาฟีก่อนโดนโค่นอำนาจก็ร่ำรวยกว่า Bill Gates หลายๆเท่าตัว
อันดับที่ 4 "Akbar I" จักรพรรดิอินเดีย ..อันดับ 3 "จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซ้อง" ว่ากันว่าควบคุมการผลิตและการบริโภคคิดเป็น 25% ของทั้งโลก (นั่นคือความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจีนในยุคนั้น) ..อันดับ 2 "ซีซาร์" ..ควบคุมอาณาจักรโรมัน ..และอันดับ 1 "Mansa Musa" ผู้มีชีวิตในช่วงของ 1280 - 1337 ..เขาเป็นกษัตริย์ของTimbukutu ..สมัยนั้นอาณาจักรแอฟริการวยมากเพราะคุมทรัพยากรอย่างทองคำและอื่นๆมหาศาล

ถ้าสรุปในอดีตความร่ำรวยก็คือ "เป็นเจ้าของอาณาจักร" ...ซึ่งในปัจจุบันก็คือ "การเป็นเจ้าของบริษัท"

จากอาณาจักรสู่บริษัทก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของ

1. การครอบครองทรัพยากร ..ในรูปของบริษัทคือมีคนที่เก่งมีสินค้าที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์
2. การจัดสรรทรัพยากร ...ในรูปแบบของบริษัทคือการเลี้ยงคนเก่งและการให้ผลตอบแทนที่ดีเพียงพอ
ถ้าใครเคยฟังสัมภาษณ์ Jack Ma เขาพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า "ความรวยที่เขามีในปัจจุบันก็คือความไว้วางใจของคนอื่นที่มอบหน้าที่ในการจัดสรรเงินนี้" ..คำว่า "หน้าที่ในการจัดสรรเงิน"

...ใช่ !! TRUST = Money = Opportunity ...นี่คือเคล็ดลับของความร่ำรวยทุกยุคทุกสมัยนั่นเอง 

การสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริงของโลกก็คือการแข่งขันสร้างสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ...อย่าง Jack Ma เขาสร้าง Platform การค้าออนไลน์ที่สร้างอาชีพให้คนจีนเป็นล้านคนได้มีรายได้และโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น !! (เอ่อแล้วเราจะสร้างไรดีหว่า ?)

"ผมว่าโอกาสและความร่ำรวยมันแฝงอยู่ที่การสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์นี่แหละ" -- มุ่งสร้างประโยชน์แก่มนุษย์แล้วมันจะเปลี่ยนเป็นความมั่งคั่งในที่สุด ผมเชื่อแบบนั้น !!