posttoday

BREXIT กับผลกระทบที่ยืดเยื้อและยาวนาน

29 กรกฎาคม 2559

โดย เจษฎา สุขทิศ, CFA &ชยนนท์ รักกาญจนันท์, AFPT INFINITI Global Investors, The Ultimate Investment Solution

โดย เจษฎา สุขทิศ, CFA &ชยนนท์ รักกาญจนันท์, AFPT INFINITI Global Investors, The Ultimate Investment Solution

และแล้วสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกต่างเฝ้ารอก็ผ่านพ้นไปแล้วนะครับ สำหรับการลงคะแนนเสียงว่าประชาชนอยากให้อังกฤษออกจาก EU หรือไม่ ในวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยผลการลงคะแนนเสียงว่าประชาชนอังกฤษต้องการออกจาก EU หรือที่เรียกว่า BREXIT นั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการทำโพลของสำนักข่าวหลายที่ เรียกว่าผล

ออกมาใกล้เคียงกันมากทีเดียว จนนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ต่างๆ ไม่กล้าที่จะฟันธงกันเลย หรือเรียกกันว่า “Too Close to Call” แต่ในที่สุดประชาชนอังกฤษส่วนใหญ่ก็ลงคะแนนเสียงให้อังกฤษออกจาก EU ครับ

เจษฎา : ช่วงก่อนหน้าการลงประชามติประมาณ 2 อาทิตย์เป็นช่วงที่สนุกมากเลยครับคุณ Mr.Messenger ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างวิ่งขึ้นลงตามผลโพล วันที่คะแนน BREMAIN นำตลาดหุ้นก็มักจะขึ้นตาม แต่ถ้าโพล BREXIT นำเมื่อไหร่ตลาดหุ้นก็พังลงทันที นับว่าเป็นช่วง 2 อาทิตย์ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกโฟกัสที่ผล Vote ครั้งนี้มากกว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ อันที่ออกในช่วงนั้นครับ

แล้วคุณ Mr.Messenger คิดอย่างไรกับการ Vote BREXIT ในครั้งนี้

ชยนนท์ : จริงๆ แล้วผมก็ไม่เชียร์ให้อังกฤษออกจาก EU นะครับ เพราะผลที่ตามมามันยากนักที่จะคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อังกฤษเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับ EU อย่างเหนียวแน่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะการส่งออกที่ปัจจุบันอังกฤษส่งออกไป EU สูงถึง 45% ของการส่งออกทั้งหมดเลยทีเดียว

แต่ก็มีข่าวดีนะครับการที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงไปอยู่ที่ประมาณ 1.30 ปอนด์ต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่เงินปอนด์อ่อนค่าที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งเป็นตัวช่วยให้การส่งออกของอังกฤษดีขึ้นเนื่องจากจะทำให้ของที่ส่งออกมาจากอังกฤษมีราคาถูกลงในสายตาของผู้ซื้อชาวต่างชาติ

สิ่งนี้อาจเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจของอังกฤษก็ได้นะครับคุณ FundTalk แล้วในวันที่มี Vote BREXIT คุณ FundTalk ทำอะไรอยู่ครับ

เจษฎา : ดูทีวีครับ!! จริงๆ หลังจากผล Vote ออกซึ่งผมยอมรับว่าเหนือความคาดหมายของผมเช่นกัน ในช่วงเวลานั้นตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงมากทีเดียว หุ้นธนาคารต่างๆ ในยุโรปนี่เละกันมากเลยทีเดียว สำนักข่าวหลายแห่งออกมาพูดเรื่องผลของ BREXIT ตามต่อด้วยการถ่ายทอดสดของคุณ David Cameron ที่ประกาศลาออก

และระหว่างดูทีวีผมก็โทรหาลูกค้าไปด้วยหลายสิบคนเลย สิ่งที่ผมเห็นชัดมากๆ คือความกลัวครับ ในวันนั้นคือเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างชัดเจนทั้งทองคำและค่าเงินเยน ทำให้ทองคำมีราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี และเงินเยนแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปีเช่นกัน รวมถึงนักลงทุนหนีเข้าตราสารหนี้ของรัฐบาลอังกฤษจน Yield ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 300 ปีเลยทีเดียว และติดตามมาด้วยการลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอังกฤษจาก S&P และ FITCH วันนี้ผล Vote ก็ได้ผ่านไปแล้วคุณ Mr.Messenger คิดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ

ชยนนท์ : ผมว่าเรื่องนี้เป็นละครเรื่องยาวครับ Vote จบแต่ผลกระทบไม่จบ วันนี้อังกฤษมอบหมายให้คุณ Theresa May เป็นผู้นำอังกฤษออกจาก EU แต่หลังจากนั้นผมลองไล่ดูคร่าวๆ นะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปี 2016 จะเป็นปีที่อังกฤษได้ผู้นำคนใหม่ที่ภารกิจหลักอยู่ที่การพาอังกฤษออกจาก EU

ส่วนปี 2017 จะเป็นปีที่ต้องคุยกันถึงรายละเอียดเชิงลึกว่าต้องทำอะไรบ้าง รวมถึงสัญญาการค้าและเศรษฐกิจต่างๆ ที่ต้องแก้ไข ซึ่งเยอะมากๆ กว่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ผมว่าน่าจะเป็นปี 2018 เป็นอย่างเร็ว แต่อย่างช้านี่ผมว่ามี 6-7 ปีเลยทีเดียวครับ กว่าจะตกลงผลประโยชน์ลงตัว

พูดจริงๆ นะครับเรื่อง BREXIT นี่คงหลอกหลอนนักลงทุนไปอีกพักใหญ่ เช่น ผลกระทบของการคุยกันในแต่ละครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดทั้งนั้นแล้วช่วงนี้ควรทำอะไรดีครับคุณ FundTalk

เจษฎา : เวลาที่ค่าเงินอ่อนนี่สิ่งที่ควรทำที่สุดคือไปเที่ยวครับ 555 จำได้มั้ยครับตั้งแต่ 2 ปีก่อนที่ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงมาเราก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเยอะมาก วันนี้เงินปอนด์ของอังกฤษอ่อนค่าลงมากว่า 10% การท่องเที่ยวและการค้าของอังกฤษก็น่าจะดีขึ้นนะครับ แต่สำหรับการลงทุนนั้นต้องระวัง ปัจจุบันเราอยู่ในตลาดหุ้นที่ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายอย่างและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้จะแข็งแรงนัก

การลงทุนในช่วงตลาดแบบนี้ควรทำด้วยความระมัดระวังมากๆ คำแนะนำคืออย่าทุ่มเงินทั้งหมดไปในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว เน้นกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์เพิ่มเติม อย่างเช่น REITs, Absolute Return Fund และทยอยซื้อทองคำเก็บไว้บ้างครับ