posttoday

"ศัลยกรรมความงาม" ดันไทยเป็น "ฮับความงาม"

24 มีนาคม 2559

โดย....พิชชาภา ศุภวัฒนกุล

โดย....พิชชาภา ศุภวัฒนกุล

เราได้ก้าวสู่ยุคของการปรุงแต่งและเติมความงามลงบนเรือนร่างโดยตรงด้วยวิธีต่างๆไม่ว่าโบท็อกซ์ฟิลเลอร์หรือเสริมจมูกเป็นต้นไม่ว่าจะผ่านมีดผ่าตัดหรือไม่ก็ตามถือเป็นกระบวนการเสริมความงามที่สังคมยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ

กระแสผลักดันสำคัญนั้นหนีไม่พ้นวัฒนธรรมดาราหรือคนดังจากแดนเกาหลีจนเทรนด์แฟชั่นผ่าตัดเสริมความงามในไทยเติบใหญ่สร้างมูลค่าตลาดเฉียดปีละ3หมื่นล้านบาทไปแล้วหากพิจารณาอัตราการเติบโตเป็นรายปีก็ตกปีละ 10% ทีเดียวกิจกรรมยอดนิยมได้แก่ศัลยกรรมพลาสติกขยายขนาดหน้าอกกรีดตาสองชั้นและผ่าตัดเสริมดั้งจมูกตัวเลขสำรวจสถิติเกี่ยวกับศัลยกรรมพลาสติกย้อนหลังห้าปีในไทยพบแนวโน้มในทิศทางเดียวกันโดยพบว่ามีคนเข้ารับผ่าตัดเสริมดั้งจมูกเพิ่มขึ้นถึง 20% สถิติเหล่านี้ช่วยให้คนที่ยังข้องใจในอนาคตของธุรกิจเสริมความงามเข้าใจได้จะแจ้งขึ้นพร้อมทั้งแพทยสภายังย้ำว่าการแพทย์สาขานี้เป็นทางหนึ่งที่ช่วยสร้างความเติบโตในเศรษฐกิจประเทศไทยได้

ด้วยเทรนด์ที่เคลื่อนอย่างรวดเร็ว ทำให้แพทยสภามองว่าบริการทางการแพทย์ด้านนี้ของเรากำลังก้าวเทียบตำแหน่งคู่แข่งขันสำคัญนั่นคืออุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของประเทศเกาหลีซึ่งปัจจุบันสร้างเม็ดเงินสะพัดราวปีละหนึ่งแสนล้านบาทดังนั้นแล้ว ควรมุ่งยกระดับประเทศให้เป็น “เมดิคัลฮับ”ควบคู่กับ “คอสเมติกฮับ”เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเติบโตปีละหนึ่งแสนล้านบาทให้ได้ในห้าปีข้างหน้าทางแพทยสภาได้เน้นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและการสนับสนุนจากภาครัฐช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจนี้ให้ก้าวหน้าด้วยหวังว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเกาหลีที่วันนี้เป็นเป้าหมายปลายทางอันดับหนึ่งของผู้รับบริการศัลยกรรมความงามจากทั่วโลก

สิ่งที่เป็นหัวใจในการผลักดันอุตสาหกรรมด้านนี้ของไทยให้เป็นผู้นำระดับโลก ก็คือพัฒนากระบวนการบริการรักษาที่สะอาดปลอดภัยพร้อมกับบุคลากรต้องมีใบรับรองความชำนาญเฉพาะด้านซึ่งปัจจุบันนี้กลไกในการกำกับดูแลทางคลีนิคและทางการรักษายังมีช่องทางที่จะพัฒนาให้ก้าวไกลขึ้นได้อีก

ข้อมูลจากบทความในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการระบุว่า ประเด็นหลักของอุตสาหกรรมผ่าตัดเสริมความงามในบ้านเราสืบเนื่องจากการศึกษาเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงามในโรงเรียนแพทย์ที่มีนักเรียนแพทย์จำกัดเพียงปีละไม่กี่คนทำให้ไม่สมดุลทางอุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมผลตามมาก็คือแพทย์ทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมาเฉพาะทางและไม่ได้ใบรับรองด้านศัลยกรรมพลาสติกโดยตรงต่างเข้ามาเริ่มต้นอาชีพศัลยกรรมพลาสติกเพื่อเข้าร่วมอุตสาหกรรมที่กำลังเบ่งบานอย่างรวดเร็วแขนงนี้

เนื่องจากกลุ่มแพทย์เหล่านี้เรียนจบหลักสูตรพร้อมทั้งได้รับใบประกอบวิชาชีพทันทีจึงมิใช่เรื่องผิดกฎหมายแต่อย่างใดทว่าการไม่ได้ฝึกฝนเฉพาะทางอาจเกิดปัญหาตามมาได้ กรณีผลการผ่าตัดที่ผิดพลาด ดังปรากฎเป็นข่าวในสื่อมวลชน ดังนั้นแล้ว แพทยสภาจึงมองหาทางออกของปัญหานี้โดยส่งเสริมให้มีการฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมและเพิ่มหลักสูตรเฉพาะทางเพื่อพัฒนาระบบการเรียนและใบรับรองวิชาชีพ ให้ช่วยเสริมอุตสาหกรรมความงามที่เราชำนาญอย่างมากอยู่แล้วให้มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้เร็วกว่าก่อน

ด้วยการสนับสนุนของหน่วยงานรัฐและความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อให้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ในปัจจุบันช่วยให้ความหวังว่าจะมีมูลค่าตลาดให้ได้หนึ่งแสนล้านบาทภายในห้าปีมีความเป็นไปได้มากขึ้นเนื่องจากนักเดินทางที่ไหลเข้าประเทศเพื่อมุ่งรับบริการทางแพทย์กว่าครึ่งในทุก150,000คนเข้ามาเพื่อศัลยกรรมความงาม ทำให้คาดกันว่าน่าจะเติบโตมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเริ่มต้นแล้ว

สัญญาณเริ่มแรกบ่งบอกว่า อุตสาหกรรมแขนงนี้ขยายตัวเติบโตไปยังนานาประเทศปรากฎผ่านรายงานของแพทยสภาว่าเริ่มมีตัวแทนจัดหางานชาวต่างชาติเข้ามาเฟ้นหาศัลยแพทย์ฝีมือเยี่ยมของไทยกันแล้วด้วยแรงกระตุ้นทั้งจากความต้องการในประเทศและในตลาดโลกทำให้อุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามกำลังเป็นขาขึ้นและมีอนาคตอันสดใสบนความเป็นไปได้ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงสุดของประเทศในอีกไม่นานเนื่องจากอัตราการเติบโตที่มากขึ้นทุกปี