posttoday

ลงทุน LTF ปีนี้กับกองทุนไหนดี?

25 กันยายน 2558

โดย ธนัฐ ศิริวรางกูร นักวางแผนการเงินอิสระ

โดย ธนัฐ ศิริวรางกูร นักวางแผนการเงินอิสระ

ใกล้สิ้นปีกันอีกแล้วนะครับ เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะได้ฉลองปีใหม่กันอีกแล้ว นักลงทุนในกองทุนรวมหลาย ๆ ท่านก็อย่าทำงานเพลินจนลืมที่จะพิจารณากองทุน ลดหย่อนภาษีกันด้วยนะครับ เพราะว่าส่วนใหญ่การซื้อกองทุน LTF ช่วงปลายปีนั้น มีโอกาสได้หน่วยลงทุนที่แพงกว่าการซื้อแบบถัวเฉลี่ยทั้งปีครับ เพราะว่าจากสถิติแล้ว การซื้อช่วงปลายปีนั้นมีโอกาสที่จะได้หน่วยลงทุนที่ราคาถูกอยู่เพียงแค่ 3 ปี จาก 10 ปีย้อนหลังนั้นเองครับ

วิธีที่ง่ายแสนง่ายในการซื้อ LTF อย่างถูกต้อง ก็คือการซื้อแบบถัวเฉลี่ยไปเรื่อย ๆ ทุกเดือนครับ เช่น ถ้าปีนี้เราคำนวนคราว ๆ แล้วว่าจะต้องซื้อ LTF ทั้งหมดประมาณ 120,000 บาท ก็ซื้อ LTF ทุกเดือนเดือนละ 10,000 บาท ก็น่าจะทำให้ความผันผวนจากราคา NAV ที่ปรับตัวขึ้น-ลง นั้น ลดลงและได้ราคา NAV เฉลี่ยที่เหมาะสมในการลงทุนระยะยาว ๆ อีกด้วย

พอมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนคงมีคำถามแล้วว่า จะเลือกกองทุน LTF กองทุนไหนดี ซึ่งวันนี้ผมมีคำตอบให้ครับ

เวลาเลือกกองทุน LTF นั้นผมอยากแนะนำว่าให้เลือกกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในระยะ 3-5 ปี มาเปรียบเทียบกัน เนื่องจากสถิติแล้วกองทุนที่ดี ที่เก่ง ในระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป ก็มักจะทำผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ มากกว่ากองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูง ๆ เพียงปี หรือ สองปีครับ

จากตารางผลตอบแทนที่เห็น กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว ๆ 3-5 ปีนี้ก็มีอยู่ไม่กี่กองทุนครับ ประมาณ 6 กองทุน แต่วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงกองทุนที่ดูแล้วทำผลตอบแทนได้ดี และน่าสนใจที่จะลงทุนด้วยครับ เรามาดูกันครับ ว่ามีกองทุนไหนบ้าง

กองทุน B-LTF นับเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามาแรงแซงโค้งทุกๆกองทุน เพราะด้วยนโยบายการเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี บวกกับการที่กองทุนมีอัตราการเปลี่ยนแปลงหุ้นในพอร์ตที่ไม่สูง จึงทำให้กองทุนสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ดีในขณะที่ความผันผวนนั้นก็ค่อนข้างต่ำ

โดยส่วนตัวคิดว่าด้วยข้อจำกัดด้าน ขนาดของกองทุนอาจจะทำให้กองทุนนั้นสามารถลงทุน ในหุ้นของที่จำกัดวงมากขึ้น อาจจะต้องลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า บริษัทขนาดกลาง-เล็กที่มีการเติบโตสูง จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุนมี ผลตอบแทนย้อนหลังรอบ 3 ปี ที่ลดลงมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการลงทุนสไตล์หุ้นพื้นฐานดีราคาไม่แพง ความผันผวนต่ำละก็ ผมคิดว่ากองทุน B-LTF นั้นเป็นตัวเลือกอันดับแรกครับ

กองทุน P-LTF เป็นอีกหนึ่งกองทุนจาก บลจ. Phillip ที่ถือว่าทำผลงานได้ดีแบบน่าตกใจ โดยปัจจุบันกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มที่จะโตได้ในระยะยาว

และด้วยขนาดกองทุนที่เล็กกว่าจึงไม่มีข้อจำกัดที่ต้องเลือกหุ้นขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งข้อได้เปรียบนี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุน P-LTF สามารถทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ 2-3 ปีผ่านมา และเมื่อเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว กองทุน LTF กองทุนนี้จะเน้นถือหุ้นระยะยาว แต่หุ้นบางส่วนก็จะมีการปรับกลยุทธ์ที่เป็นการลงทุนตามธีมของตลาดหุ้นด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมานั้นกองทุน P-LTF จะเน้น Overweight การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive stocks จึงทำให้ที่ผ่านมากองทุนมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจครับ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า กองทุน LTF ที่ถูกกล่าวขานกันว่าให้ผลตอบแทนดีทั้งระยะสั้น และยาว เห็นจะหนีไม่พ้นกองทุน P-LTF กองทุนนี้ครับ

กองทุน CG-LTF กองทุนนี้มีนโยบายในการเลือกหุ้นที่จะลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานและธรรมภิบาลที่ดี มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ กองทุน CG-LTF นั้นค่อนข้างจะมีการซื้อขายเปลี่ยนแปลงหุ้นค่อนข้างบ่อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ที่ผ่านมานั้นกองทุน CG-LFT มีความผันผวนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับกองทุน LTF ตัวอื่น ๆ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก

ทั้งนี้ในพอร์ตปัจจุบัน จากการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ กองทุน CG-LTF นั้นก็ค่อนข้างให้น้ำหนักกับการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ค่อนข้างมาก ซึ่งผมมองว่าทางฝ่ายบริหารกองทุนนั้นอาจใช้กลยุทธที่ว่านี้ในการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อราคาน้ำมันรีบาวด์

ดังนั้น ผมคิดว่าใครก็ตามที่สนใจกองทุน LTF เพื่อใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ยังอยากได้พอร์ตแบบค่อนข้าง ปรับตัวเร็ว และมีการทำ Market timing หน่อยๆ และรับความผันผวนระหว่างที่ลงทุนได้สูง เพื่อผลตอบแทนที่ดีมาก ผมคิดว่า CG-LTF น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมครับ