posttoday

คปภ.เปลี่ยนเงื่อนไขประกันไม่จ่ายค่าเสียหายคนขับดื่มเกิน50มิลลิกรัม

28 กรกฎาคม 2559

คปภ.ผนึกประกันวินาศภัย ปรับเกณฑ์เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันรถยนต์ใหม่ ไม่จ่ายเคลมเมาแล้วขับ มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม

คปภ.ผนึกประกันวินาศภัย ปรับเกณฑ์เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันรถยนต์ใหม่ ไม่จ่ายเคลมเมาแล้วขับ มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.อยู่ระหว่างการหารือกับทางสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อพิจารณาปรับเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทั้งประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ประกัน พ.ร.บ.ฯ) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ในส่วนของความคุ้มครองผู้ขับขี่รถยนต์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดให้เท่ากับกฎหมายจราจรห้ามมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม (50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)

ทั้งนี้ ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ระบุเงื่อนไขรับผิดชอบผู้ขับขี่รถยนต์ที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มิลลิกรัม (150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) สูงกว่า พ.ร.บ.จราจร จึงเห็นว่าควรระบุให้เหมือนกัน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกฎหมายจราจรกับเงื่อนไขของกรมธรรม์ หลังจากการปรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ขับรถยนต์ไปเกิดอุบัติเหตุหากมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย

“ทาง คปภ.และบริษัท ประกันวินาศภัย จะทำการปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ผลของการปรับเงื่อนไขใหม่ จะส่งผลกระทบต่อผู้ขับขี่เท่านั้น แต่จะไม่กระทบกับผู้โดยสารในรถยนต์คันนั้น รวมถึงไม่กระทบกับประสบภัยจากรถคันที่มีผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะยังคงได้รับความคุ้มครองเช่นเดิม ที่จะต้องรับผิดชอบตัวเอง หากบาดเจ็บก็ต้องออกค่ารักษาเอง เพราะการดื่มเหล้าแล้วขับเท่ากับจงใจที่จะทำให้เกิดความเสี่ยง” แหล่งข่าวเปิดเผย

แหล่งข่าวจาก คปภ. เปิดเผยอีกว่า ทุกวันนี้ทางภาคธุรกิจประกันภัยวินาศภัย ถูกมองว่าไม่ให้ความร่วมมือกับทางกฎหมาย และมีลักษณะสนับสนุนให้คนเมาแล้วขับ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุแม้จะผิดกฎหมายจราจร แต่ยังได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ทำให้ไม่กลัวการดื่มแล้วขับ

“หากเปรียบเทียบปริมาณแอลกอฮอล์ที่บริษัทประกันรับผิดชอบเคลมให้ 150 มิลลิกรัมเท่ากับเบียร์ 3 กระป๋อง แต่ถ้าลดลงเหลือ 50 มิลลิกรัม เท่ากับว่าหากขับรถยนต์จะดื่มเบียร์ได้กระป๋องเดียวเท่านั้น” แหล่งข่าวระบุ

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง คปภ.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐ มีแนวคิดที่จะทำการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปในทิศทางกฎหมายจราจร ซึ่งทางสมาคมฯ พร้อมจะทำงานร่วมกับทาง คปภ.อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และให้สอดคล้องกับกฏหมายจราจร โดยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของไทยเป็นประเทศเดียวที่ให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

นายไพบูลย์ จิรายุวัฒน์ ประธานกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมฯ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยทำงานกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีการกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไว้ แต่ในกรมธรรม์เขียนคำว่าจะไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ที่มีลักษณะ “มึนเมา” จนเป็นเหตุให้ควบคุมสติไม่ได้ ซึ่งบางกรณีพบว่าผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุมีแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิด ก็เมามายจนคุมสติไม่ได้

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา สำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) ได้จัดทำสถิติประกันภัยรถยนต์ 50 รุ่นที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด โดยรวบรวมสถิติทั้งค่าเฉลี่ยอัตราเบี้ยประกันภัย ความถี่ในการเกิดเหตุ ค่าเสียหายต่อคัน ที่มีอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2557 พบว่า ทั้ง 50 รุ่นมีเบี้ยประกันภัยรวมกันถึง 176,126.81 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 83.45% ของทั้งหมด โดยมี ลอส เรโช รวม 66.16% หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 116,523.62 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวมอยู่ที่ 65.26% โดยมีรถถึง 14 รุ่นที่มี ลอส เรโช เกิน 70% ขณะที่ค่าเบี้ยประกันก็ต่ำมาก