posttoday

ประกันชีวิตหั่นเป้าโตฮวบ7%หดตัวแรงสุดในรอบ 10 ปี

30 กรกฎาคม 2558

สมาคมประกันชีวิตไทยถอดใจเศรษฐกิจไทย ลดเป้าโตเกือบครึ่ง เบี้ยรับรวม 5.39 แสนล้านบาท

สมาคมประกันชีวิตไทยถอดใจเศรษฐกิจไทย ลดเป้าโตเกือบครึ่ง เบี้ยรับรวม 5.39 แสนล้านบาท

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตครึ่งปีแรกที่ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้สมาคมฯ ปรับเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยรับรวมลงเหลือ 7% จากเป้าเดิม 13% ซึ่งจะเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยแยกเป็นเบี้ยปีแรกคาดว่าจะเติบโต 5% เบี้ยชำระครั้งเดียวจะติดลบ 7.6% และเบี้ยต่ออายุโต 11% การลดเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัว อัตราค่าครองชีพที่สูงขึ้นจนฉุดกำลังซื้อ รวมถึงบริษัทประกันชีวิตที่ปรับนโยบายบริหารการขายให้เหมาะสมกับภาวการณ์ปัจจุบัน สอดคล้องกับนโยบายลดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน จึงส่งผลให้ผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่มีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว อย่างไรก็ตามโดยรวมถือว่าธุรกิจประกันชีวิตยังมีอัตราการเติบโตสูงกว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

นายสาระ กล่าวว่า การเติบโตในปีนี้จะมาจากครึ่งปีหลังเป็นหลัก โดยมีปัจจัยจากภาครัฐสนับสนุน เช่น การปรับปรุงหรือการออกกฎระเบียบต่างๆ ให้รองรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ได้กฎระเบียบที่ยืดหยุ่นต่อการดำเนินงานของธุรกิจประกันชีวิตไทย ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รวมถึงส่งเสริมให้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ และยังส่งเสริมให้ผู้เอาประกันภัยนำค่าเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ประชาชนหันมาสนใจการทำประกันชีวิตมากขึ้น

ขณะที่ภาคธุรกิจเองจะมีการแข่งขันประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และประโยชน์ของการประกันชีวิต การออกแบบ/พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกระดับ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะปัจจุบันนี้ คือแบบประกันที่มีความคุ้มครองระยะกลางและระยะยาว ควบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ รวมทั้งแบบประกันควบการลงทุนก็มีทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายช่องทาง นอกเหนือจากการจำหน่ายผ่านตัวแทน เช่น การขายผ่านธนาคาร การขาย Direct Marketing (Tele+Post office) การขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต การขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นต้น พร้อมกับพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ทันสมัยทำให้มีความสะดวกและประทับใจในการใช้บริการ รองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละราย เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มของพฤติกรรมลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้น เพราะปัจจัยทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สาธารณสุข รวมทั้งปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจจะเน้นการพัฒนาคุณภาพตัวแทนให้มีความรู้ด้านประกันชีวิตเป็นอย่างดี และสามารถเป็นที่ปรึกษาทางการเงินได้ด้วย โดยมุ่งเน้นความเป็นมืออาชีพและมีความรู้อย่างแท้จริงในการให้บริการ การนำเสนอขาย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้วย เช่น Investment Linked Product ที่กำลังพัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน