เบี้ยประกันชีวิตเดือนเม.ย.โต21.44%เกินคาด
เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนเม.ย.ทั้งสิ้น 1.71 แสนล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 21.44%
เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนเม.ย.ทั้งสิ้น 1.71 แสนล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 21.44%
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรกจะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท โดยจะพิจารณาถึงการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับรวม ซึ่งหมายถึงเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ (New Business Premium) รวมกับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป (Renewal Premium) โดยจะมีการพิจารณาถึงอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตประกอบด้วย และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จะพิจารณาจากการเติบโตเฉพาะเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่หมายถึง เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก (First Year Premium) รวมกับเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium)
สถิติเบี้ยประกันชีวิตรับสิ้นเดือนเม.ย.ของปี 2557 ที่สมาคมประกันชีวิตไทยรวบรวมได้ในขณะนี้ มีดังนี้
เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ม.ค.-เม.ย.2557 มีทั้งสิ้น 1.71 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกัน 21.44% บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บริษัทเอ.ไอ.เอ. จำนวน 3.48 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 20.40% อันดับที่ 2 บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 2.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 17.47% อันดับที่ 3 บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 2.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 14.99% อันดับที่ 4 บริษัทไทยประกันชีวิต จำนวน 1.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 10.75% อันดับที่ 5 บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 1.60 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 9.40%
"รวม 5 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาด 73.01% และอีก 19 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด 26.99%"นางบุษรา กล่าว
นางบุษรา กล่าวว่า สำหรับ เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ ม.ค.-เม.ย. 2557 จะพิจารณาจากจำนวนเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกรวมกับเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว โดยมีทั้งสิ้น 6.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกัน 31.50% บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 1.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 24.50%
อันดับที่ 2 บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 12,570.27 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 19.75%
อันดับที่ 3 บริษัท เอ.ไอ.เอ. จำนวน 7,906.91 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 9.88% อันดับที่ 4 บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 6,286.56 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 9.88% และ อันดับที่ 5 บริษัทกรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 5,302.11 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 8.33%
สำหรับ เบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 1.07 แสนล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 16.18% โดยมีอัตราความคงอยู่ 86% ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงผู้เอาประกันชีวิตเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตมากขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัทได้มีการพัฒนาแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง สมาคมจึงขอให้ผู้เอาประกันชีวิตที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่แล้ว ไม่หยุดการชำระเบี้ยประกันชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญาเพื่อประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ