posttoday

บลจ.กรุงไทย10เดือนเอยูเอ็มทะลุเป้า

15 พฤศจิกายน 2559

บลจ.กรุงไทย โชว์ผลงาน 10 เดือนแรก สินทรัพย์เติบโต 20% สูงกว่าเป้าหมายของปีที่ตั้งไว้ พร้อมเปิดตัว LTF-RMF 3 กองใหม่

บลจ.กรุงไทย โชว์ผลงาน 10 เดือนแรก สินทรัพย์เติบโต 20% สูงกว่าเป้าหมายของปีที่ตั้งไว้ พร้อมเปิดตัว LTF-RMF 3 กองใหม่

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM)เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถขยายสินทรัพย์สุทธิ (เอยูเอ็ม) ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 20% หรือ 1.23 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2558 มาอยู่ที่ 7.35 แสนล้านบาท ขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเฉลี่ยประมาณ 13.8%

สำหรับกองทุนรวมมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 9.67 หมื่นล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 2,896 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1.47 หมื่นล้านบาทและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้น 8,636 ล้านบาท

"ปีนี้เอยูเอ็มเราเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.14 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้ากำลังอยู่ระหว่างทำแผนซึ่งต้องเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมที่เฉลี่ยเติบโตต่อปีประมาณ 10%"นางชวินดา กล่าว

นอกจากนี้บริษัทเตรียมออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-PIF RMF) กองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท หุ้นระยะยาว ( KTEF-LTF) เน้นหุ้นพื้นฐานดี เสนอขายในวันที่ 14- 23  พ.ย.2559  และกองทุนเปิดกรุงไทย ซีเล็คทีฟ หุ้นระยะยาว ( KTSE-LTF)เน้นหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพดี ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุน เสนอขายวันที่ 13-21 ธ.ค.2559 เพื่อการออมระยะยาว และเพื่อการเกษียณ โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,000 ล้านบาท

นางชวินดา กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะผันผวนโดยตลาดรอดูนโยบายที่ชัดเจนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ บลจ.กรุงไทยยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,530 จุด ส่วนปีหน้ามองไว้ที่ 1,670 จุดและคาดว่าเม็ดเงินลงทุนเข้ากองทุน LTF และ RMF ยังมีต่อเนื่อง แม้ในส่วนของกองทุน LTF จะขยายระยะเวลาการถือครองกองทุนจาก 5 ปี เป็น 7 ปีก็ตาม

นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า บลจ.กรุงไทย ปรับลดเป้าหมายจีดีพีปี 2559 ลงจาก 3.2% เหลือ 2.9-3% และปี 2560 มองไว้ที่ 3-3.5% และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ที่ระดับ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี 2560 ขณะที่ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะปรับขึ้น 0.25%ในปีนี้และปรับขึ้น 2 ครั้งในปีหน้า

ส่วนเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยหลังจากนายทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มองว่าจะเป็นระยะสั้นและคงต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายก่อน